รองเลขาฯ ปปง. แจ้งความกลับ อัจฉริยะ ปมสนิทชูวิทย์-สารวัตรซัว
เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองเลขาฯ ปปง. บุกโรงพักพหลฯ แจ้งจับ “อัจฉริยะ” หมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 10 ล้าน ส่วน”ทนายตั้ม”ค่อยเช็คบิลทีหลัง ยันไม่ได้สนิททั้ง “ชูวิทย์-สารวัตรซัว”
ความคืบหน้ากรณี อัจริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษ พลตำรวจตรีเอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ในความผิดฐาน “ฟอกเงิน” โดยมีการไปยื่นหนังสือร้องเรียนที่กองปราบปรามเมื่อวาน (27 มี.ค.) ที่ผ่านมา
ล่าสุด วันนี้ 28 มีนาคม 2566 ที่สถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน พล.ต.ต.เอกรักษ์ ได้เดินทางเข้าพบกับพนักงานสอบสวนสน.พหลโยธิน เพื่อแจ้งความดําเนินคดีกับนายอัจริยะ ในข้อหาหมิ่นประมาท
โดย พล.ต.ต.เอกรักษ์ กล่าวว่า การที่นายอัจฉริยะแจ้งความดําเนินคดีพร้อมกับพาดพิงตนเองและภรรยาที่กองปราบนั้น ทําให้ตนเองเสื่อมเสียชื่อเสียงเป็นอย่างมาก
ขณะเดียวกัน รองเลขาฯ ปปง. ก็ยอมรับว่าตนเองเป็นคนแนะนําให้บุคคล 2 คนในภาพที่นายอัจฉริยะ เผยต่อสื่อจริง ส่วนสาเหตุเพราะมีบุคคลอ้างว่าเป็นแฟนคลับนายชูวิทย์ ตนจึงแนะนําให้ 2 คนรู้จักกันเพราะอีกคนรู้จักกับชูวิทย์อยู่ก่อนแล้ว ส่วนจะไปพูดคุยหรือไปโรงแรมนายชูวิทย์หรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ
ขณะที่ประเด็นชื่อของ สารวัตรซัว พล.ต.ต.เอกรักษ์ ระบุว่า ตัวเองก็ไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่หลายปีก่อนหน้านี้เคยมีคนพาคนชื่อซัวมาไหว้ แต่ไม่ทราบว่าคือ “ซัว” เดียวกันหรือไม่ ? เพราะไม่เคยติดต่อกันหลังจากนั้น
พล.ต.ต.เอกรักษ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนภรรยาตนที่คุณอัจฉริยะ กล่าวหาว่ารับเงินจากเว็บพนันออนไลน์หลายแห่งนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ภรรยาตนทําอาชีพเป็นเซลล์ขายไม้อัด ซึ่งเป็นอาชีพที่สุจริตไม่เกี่ยวข้องกับการรับเงินดังกล่าวอย่างแน่นอน ส่วนภาพที่ตนถ่ายรูปคู่กับชายคนหนึ่งร่างท้วม ที่คุณอัจฉริยะอ้างว่าเป็นเจ้าของเว็บพนันออนไลน์นั้น ยอมรับว่ารู้จักเพราะเป็นลูกของเพื่อน ที่เป็นนักการเมืองท้องถิ่นใน จ.อ่างทอง และมาขอถ่ายรูปตอนตนไปเป็นอาจารย์สอนสถานศึกษาที่เค้าเรียนอยู่ก็เท่านั้น
รอง เลขาฯ ปปง. กล่าวอีกว่า หากคุณอัจฉริยะมีหลักฐานว่าตนไปจริง สามารถนําหลักฐานหรือกล้องวงจรปิดออกมาชี้แจงได้ และขอยํ้าว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเกี่ยวกับเรื่องการเคลีย์หน้าเสื่อให้กับเว็บพนันออนไลน์หรือพัวพันกับสิ่งผิดกฎหมาย เพราะตําแหน่งของตนนั้นเป็นสายงานธุรการ ไม่มีอํานาจในการยึดหรืออายัดทรัพย์สินใครทั้งสิ้น หากพบว่าตนมีส่วนเกี่ยวข้องหรือกระทําความผิดจริง ยินดีลาออกเพื่อรับผิดชอบทันที
ทั้งนี้ พล.ต.ต.เอกรักษ์ ได้ทิ้งท้ายว่า วันนี้มาแจ้งความดําเนินคดีกับ นายอัจฉริยะเพียงรายเดียว ส่วน ทนายตั้ม ขอไว้กล่าวถึงภายหลัง ซึ่งข้อหาที่แจ้งกับประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมนักเคลื่อนไหวคดีดังในวันนี้ คือ ข้อหา “หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาและกฎหมาย PDPA” พร้อมกับเรียกร้องค่าเสียหายจํานวนเงิน 10 ล้านบาท เพื่อนําเงินจำนวนดังกล่าวไปทําบุญประกอบพิธีปัดเป่าเคราะห์ร้ายให้หมดไป.