เหมืองทองคำอัครา กลับมาเปิดดำเนินธุรกิจต่อ พนักงานลอตแรก 260 คน ได้เฮ กดปุ่มเดินหน้าเครื่องจักร หลังถูก ม.44 สั่งปิดไป 5 ปี
วันที่ 21 มีนาคม 2566 มีรายงานข่าวการกลับมาดำเนินธุรกิจอีกครั้ง สำหรับกรณีของ “เหมืองทองคำอัครา” ซึ่งตั้งอยู่บริเวณรอยต่อ 3 จังหวัด พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์
ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.เขาเจ็ดลูก อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร ที่หลังจากเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2559 พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ออกคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 72/2559 สั่งห้ามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่ออายุประทานบัตรและใบอนุญาต และให้ผู้ประกอบการเหมืองแร่ทองคำระงับการประกอบกิจการตั้งแต่ 1 ม.ค.2560 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม “บริษัทอัคราฯ” ได้รับหนังสือจากสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดพิจิตร แจ้งทราบว่า ได้ออกใบอนุญาตการเปิดการทำเหมืองและการประกอบโลหกรรมให้แก่บริษัทฯ
ต่อมาวันที่ 16 มี.ค. 66 บริษัทฯ ได้รับหนังสืออนุญาตเปิดการทำเหมืองสำหรับประทานบัตรฝั่ง จ.เพชรบูรณ์ จากสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดเพชรบูรณ์เช่นเดียวกัน ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถเปิดดำเนินกิจการได้เต็มรูปแบบ โดยเมื่อวันที่ 20 มี.ค.66 ที่ผ่านมา นายวรงค์ สราญฤทธิชัย ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายบริหารองค์กร ร่วมกับ นายเชาว์ลิต ทองคำ หัวหน้างานอาวุโสฝ่ายผลิต ซึ่งมีบ้านพักอยู่ในบ้านเขาดิน ต.เขาเจ็ดลูก ซึ่งทำงานกับบริษัทฯ มากว่า 22 ปี เป็นตัวแทนพนักงานกดปุ่มเดินเครื่องจักร และได้กล่าวกับเพื่อนพนักงานว่า
“หลายปีที่เราสู้ด้วยกันมาตลอด เพื่อพาพี่น้องของเรากลับบ้าน วันนี้พวกเราทำสำเร็จแล้ว ชุมชนของพวกเราจะไม่เงียบเหงาอีกต่อไป”
ด้าน นายเชิดศักดิ์ อรรถอารุณ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายความยั่งยืนขององค์กร เปิดเผยว่าทันทีที่เรากดปุ่มเดินเครื่องจักรเท่ากับเป็นการกดปุ่มเดินหน้านำเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในทันที โดยบริษัทฯ ต้องสมทบเงินเข้ากองทุนจำนวน 4 กอง คิดเป็นร้อยละ 21 ของค่าภาคหลวงแร่ที่บริษัทฯ ชำระให้กับรัฐบาล
หรือรวมแล้วต้องไม่น้อยกว่า 65 ล้านบาทต่อปี ตามกรอบนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ในการบริหารจัดการทรัพยากรแร่ทองคํา ส่งผลให้มีเม็ดเงินจากกองทุนไปใช้ในการขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนและสาธารณประโยชน์ต่าง ๆ ในพื้นที่
ทั้งนี้ ผจก.ฝ่ายความยั่งยืนขององค์กรฯ ยังระบุด้วยว่า การพิจารณาอนุมัติออกใบอนุญาตการเปิดดำเนินการเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายและนโยบายของรัฐ เห็นได้จากการใช้เวลาในกระบวนการอนุญาตที่นานมาก ซึ่งก็เข้าใจได้ว่า หน่วยงานรัฐที่เป็นผู้กำกับดูแลต้องใช้เวลาในการตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน
อย่างไรก็ตาม บริษัทขอขอบคุณกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องในงานอนุญาตสำหรับความเชื่อมั่นที่มอบให้ และขอขอบคุณผู้นำชุมชนและประชาชนรอบเหมืองสำหรับแรงสนับสนุนอย่างท่วมท้นในการกลับมาของบริษัท.
