ข้าวเหนียว อาหารแห่งความง่วงที่หลายคนรับประทานเข้าไปแล้วรู้สึกตาจะปิด สรุปแล้ว กินข้าวเหนียวแล้วง่วงจริงไหม สิ่งนี้คือเรื่องจริงหรืออุปาทานหมู่กันแน่ หากเป็นจริงเราจะมีวิธีเอาชนะความง่วงหลังรับประทานข้าวเหนียวได้หรือไม่ รวมถึงความเชื่ออื่น ๆ เกี่ยวกับข้าวเหนียวไม่ว่าจะเป็น กินแล้ว กินแล้วไอ ไทยเกอร์มีคำตอบให้แล้วที่นี่
ตอบคำถาม ข้าวเหนียวกินแล้วง่วง เพราะอะไร ทำไมใคร ๆ ก็เป็น
ก่อนอื่นต้องขอตอบคำถามก่อนว่า ข้าวเหนียวกินแล้วง่วงเป็นความจริง ทุกคนไม่ได้รู้สึกไปเองค่ะ โดยสาเหตุที่ทำให้คนรู้สึกง่วงหลังรับประทานข้าวเหนียวเข้าไป เป็นเพราะข้าวเหนียวไปกระตุ้นการทำงานบางอย่างของร่างกายนั่นเอง
แน่นอนว่าทุกคนคงเคยเรียนกันมาว่า คาร์โบไฮเดรตจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลกันใช่ไหมคะ หัวใจสำคัญมันอยู่ที่ตรงนี้
ข้าวเหนียว ซึ่งประกอบด้วย อะไมโลส (Amylose) และอะไมโลเพกติน (Amylopectin) มีความสามารถในการเปลี่ยนแป้งเป็นน้ำตาล ซึ่งในที่นี้คือน้ำตาลกลูโคส ได้รวดเร็วกว่าข้าวเจ้าหรือข้าวชนิดอื่น ๆ ข้าวเหนียวจึงทำให้ปริมาณน้ำตาลในร่างกายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในเวลาเพียงไม่นาน
ดังนั้นเพื่อรักษาระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดให้คงที่และสมดุล ตับอ่อนในร่างกายจึงต้องรีบหลั่ง อินซูลิน (Insulin) ออกมาเพื่อควบคุมการเผาผลาญ และให้ร่างกายดูดซึมนำไปใช้เป็นพลังงานได้
ทีนี้กระบวนการหลั่งอินซูลิน ก็จะทำให้กรดอะมิโนมากมายถูกดูดซึมไปโดยกล้ามเนื้อ ไม่ว่าจะเป็น Valine, Leucine และ Isoleucine แต่จะมีกรดอะมิโนตัวหนึ่งที่ชื่อ Tryptophan ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยให้นอนหลับสนิท บรรเทาความเครียดและไมเกรน ไม่ได้ถูกดูดซึมไปด้วย!
Tryptophan จึงต้องลอยล่องอยู่ในกระแสเลือดต่อไป จนถูกพาไปยังสมองเพื่อสร้างพระเอกสำคัญอีกตัว คือ สารเซโรโทนิน (Serotonin) สารที่ช่วยให้ควบคุมการนอน ทำให้หลับสนิท
เซโรโทนินที่ถูกสร้างออกมามากขึ้น จึงเป็นคำตอบว่าทำไมคนที่รับประทานข้าวเหนียวจึงรู้สึกง่วงนอนมากกว่ารับประทานข้าวชนิดอื่นนั่นเอง นอกจากนี้ข้าวเหนียวยังใช้เวลาย่อยนาน ส่งผลให้กระบวนการเหล่านี้ใช้เวลาดำเนินยาวนานขึ้นนั่นเอง
ข้าวเหนียวกินแล้วอ้วน กินแล้วไอ จริงหรือไม่
หลังจากที่รู้สาเหตุแล้วว่าการกินข้าวเหนียวทำให้รู้สึกง่วงนอนจริงเพราะสาเหตุใด คราวนี้มาดูข้อเท็จจริงของข้าวเหนียวอีกประการกัน
ข้าวเหนียวเป็นข้าวที่มีค่า Gl (Glycemic index) หรือ ค่าดัชนีการเปลี่ยนคาร์โบไฮเดรตเป็นน้ำตาลที่สูงถึง 98 ในขณะที่ข้าวซ้อมมือมีค่า GI 55, ข้าวเจ้า มีค่า GI 87 เท่านั้น
พูดให้เข้าใจมากขึ้นก็คือ ข้าวเหนียวส่งผลให้ร่างกายผลิตอินซูลินออกมามากขึ้น ง่ายขึ้น เพิ่มโอกาสการเกิดภาวะโรคอ้วนหรือโรคเบาหวานตามไปด้วย
นอกจากนี้อาหารที่รับประทานร่วมกับข้าวเหนียวก็มักจะเป็นอาหารที่มีแคลอรีสูง เช่น หมูปิ้ง มะม่วงสุก ข้าวเหนียวมูน ยิ่งกินเพลินร่างกายก็ยิ่งรับพลังงานเกินความจำเป็น หากไม่เผาผลาญออกไปแน่นอนว่าพลังงานเหล่านี้ก็จะไปสะสมอยู่ในรูปของไขมัน ทำให้อ้วน บวมขึ้นได้ง่ายนั่นเอง
ส่วนคำถามว่าข้าวเหนียวกินแล้วไอ ยังไม่มีข้อมูลที่ยืนยันส่วนนี้ เพียงแต่ข้าวเหนียวมีความฝืดคอ กลืนยาก ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้ผู้ที่ระคายเคืองคอ รับประทานข้าวเหนียวนั่นเอง
ทำอย่างไรไม่ให้กินข้าวเหนียวแล้วง่วง อ้วน
1. เคี้ยวข้าวให้ละเอียด หากเราเคี้ยวให้ละเอียดแล้ว เมื่อข้าวเหนียวเข้าสู่กระบวนการการย่อยก็จะใช้เวลาไม่นานมากนัก
2. จำกัดปริมาณข้าวเหนียว รับประทานแต่พออิ่ม เน้นทานข้าวชนิดอื่นแทน
สรุปได้ว่าข้าวทุกชนิดก็สามารถทำให้ง่วงหลังรับประทานได้ เหมือนคำที่ทุกคนชอบพูดว่า หนังท้องตึง หนังตาหย่อน เพียงแต่กระบวนการย่อยข้าวเหนียวจะส่งผลให้ง่วงได้มากกว่าข้าวชนิดอื่นหลังรับประทาน
ดังนั้นหลังรับประทานข้าวเสร็จ ก็อย่าลืมออกไปเดินย่อย กระตุ้นการเผาผลาญ จะได้ห่างไกลทั้งความอ้วนและความง่วงกัน.
ขอบคุณข้อมูลจาก : pharm.tu.ac.th เคมีฟิสิกส์ของสิ่งทอ อาหาร และของรอบตัว ศูนย์เครือข่ายข้อมูลอาหาร
