โหนกระแส ส่วย กรมอุทยานแห่งชาติ ‘ชัยวัฒน์’ ตอบชัดที่มาวันจับกุมอธิบดี
โหนกระแส ส่วย กรมอุทยานแห่งชาติ พาอดีตอธิบดีฯ เลขาธิการป.ป.ช. คุ้ยปมฉาวสนั่น ข้าราชการระดับสูง รัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา เรียกรับเงิน เรียกรับส่วนรายเดือน ไม่ต้องโยกย้าย ชัยัวฒน์ รับแฉเองแจงเหตุผลทนเห็นลูกน้องไม่มีกระจิตกระใจทำงานไม่ได้ ยืนยันไม่ใช่การกลั่นแกล้ง
ต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดกับกรณีข่าวใหญ่สั่นสะเทือนหน่วยงานข้าราชการไทยวงการ อุทยานแห่งชาิต หลังข่าวจับกุม รัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้เรียกเก็บเงินจากหัวหน้าหน่วยงานภาคสนามทั่วประเทศ หากหัวหน้าหน่วยงานต่าง ๆ ที่ถูกเรียกเก็บไม่สามารถนำเงินมาจ่ายให้ก็จะถูกโยกย้ายออกจากตำแหน่งเดิม และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในพื้นที่ห่างไกลภูมิลำเนาจึงทำให้มีการวิ่งเต้นกับอธิบดีกรมอุทยานฯ เพื่อไม่ให้ถูกโยกย้ายรายละประมาณ 200,000-300,000 บาท
โดย นายดำรงค์ พิเดช อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้กล่าวในรายการโหนกระแสวันนี้ (29 ธ.ค.65) กับ หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย พิธีกรซึ่งเชิญมาพูดคุยในรายการเกี่ยวกับประเด็นสมัยที่เคยดำรงตำแหน่งหัวหน้ากรมอุทยานฯ เคยมีคนมายื่นข้อเสนอโยกย้ายบ้างหรือไม่ ซึ่งนายดำรงยอมรับว่าตอนเข้ามารับตำแหน่งใหม่ ๆ มีนักการเมืองเข้ามาหาเป็นจำนวนมาก รวมถึงคนที่ยื่นข้อเสนอขอโยกย้ายไปอยู่ตามกรมหรือหน่วยงานต่างๆ
นายดำรงค์ กล่าวว่า คนส่วนใหญ่ที่เข้ามาเล็งเรื่องการทะเลเป็นส่วนมาก แต่ตนไม่ให้สักคนที่ยื่นข้อเสนอแบบฉาบฉวย โดยจะคัดแต่คนที่เหมาะสมเท่านั้น
ส่วนที่ว่าจ่ายกันเท่าไหร่นั้น อดีตอธิบดีกรมอุทยานฯ บอกไม่สามรถพูดไม่ได้เพราะการไปบอกตัวเลขนั้นจริงรึเปล่า แต่ถ้าจิตสำนึกรู้กันหมดเพราะในอุทยานปิดบังกันไม่ได้
ต่อมารายการมีการวิดิโอสัมภาษณ์สด นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ซึ่งยอมรับเป็นผู้นำเรื่องดังกล่าวไปร้องเรียนกับนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา พร้อมกับส่งเรื่องให้ทาง ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2565 สาเหตุเกิดจากมีการทุจริต
ต่อมาวันที่ 22 ธ.ค. ทาง ป.ป.ช.เรียกสอบ แถมก่อนหน้านั้นช่วงเดือนตุลาคมนายชัยวัฒน์เผยว่า ได้ไปเจอปัญหาเจ้าหน้าที่ในกรมอุทยานไม่สามาถทำงานกันได้ งบประมาณที่ลงไปยังไม่ถึงซึ่งอาจจะล่าช้า การเบิกจ่ายช้าไปในระบบ เจ้าตัวได้ยกตัวอย่างข้อผิดสังเกตุจนนำทำให้ทราบปัญหา เกิดขึ้นเมื่อครั้งชวนกันไปรับประทานข้าวแล้วเจ้าหน้าที่ในหน่วยไม่กล้าไปทานด้วยเนื่องจากเกรงว่าจะไม่มีเงินพอจ่าย
พอสอบถามจึงทราบเป็นเพราะเจ้าหน้าที่นายดังดกล่าวเพิ่งจ่ายรักษาตำแหน่งคนละ 1-2 แสนบาท ไปเมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา
“งานแค่สีทาป้ายเปลี่ยนสีใหม่ ยังไม่มี แค่ซื้อสีทำงานยังไม่มี เป็นหนี้ต้องไปกู้หนี้ยืมสินเพื่อเป็นค่ารักษาตำแหน่ง” นายชัยวัฒน์ กล่าว
นอกจากนี้ อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ยังเล่าต่อว่า หลังจากทราบเรื่องก็ได้เข้าไปคุยกับ อธิบดีกรมอุทยานฯ เปิดใจคุยกันถึงขั้นที่ว่าเคสนักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษที่มีการตั้งธงไว้ 1 ล้านบาท ตนก็แย้งไปว่ามันหนักไปนะ เมื่อ “กรรชัย” ถามว่า ถ้าจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวไปแล้วคุ้มค่าหรือได้ผลตบแทนอะไรกลับมาหรือไม่ ?
นายชัยวัฒน์ จึงอธิบายว่าการจ่ายเงินส่วนนี้เป็นการจ่ายเพื่อรักษาตำแหน่งเพื่อที่จะไม่ต้องถูกโยกย้ายไปทำงานยังต่างภูมิลำเนาหรือประจำการยังที่ไกล ๆ
ขณะที่ ในส่วนของความคืบหน้าภายหลังการจับกุมตัวอธิบดีกรมอุทยานนายรัชฎานั้น นิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ก็ได้ให้ข้อมูลล่าสุดว่า คดีดังกล่าวอยู่ในอำนาจของพนักงานสอบสวน กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ป.ป.ป.) ได้มีการแจ้งข้อหาและให้ประกันตัวไปแล้ว ส่วนตอนนี้ก็มีการเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องอาจจะเป็นบุคคลที่ปรากฏตามในรายชื่อบนซอง หรือกรดาษที่ไปตรวจพบที่ห้องท่านอธิบดี มาให้ถ้อยคำแล้วก็รวบรวมพยานหลักฐานเบื่องต้น ส่วนที่จะมีความผิดหรือไม่ก็ต้องดูเป็นกรณี ๆ ไป
ช่วงท้าย พล.ต.ต จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ก็ได้เข้าสายสัมภาาณ์ยืนยันในรายการกรรชัยว่า การทำงานครั้งนี้จะทำแบบตรงไปตรงมา ไม่ละเว้น เรื่องจะสาวไปถึงใครก็ว่ากันไปตามกฏหมาย ใครเกี่ยวข้องตำรวจต้องแสวงหาพยานหลักฐานทั้งหมด ก่อนส่งให้ ป.ป.ช. ใน 30 วัน ก็จะรีบทำแล้วส่งเรื่องให้เร็วที่สุด