ไม่มีหมวดหมู่

เพจดัง แนะ สธ. เร่งแก้ปัญหาทั้งระบบ ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุแบบ เด็กไส้ติ่งแตกบุรีรัมย์

เพจดังโพสต์แนะกระทรวงสาธารณสุข เร่งแก้ปัญหาทั้งระบบ หวั่นซ้ำรอย เด็กไส้ติ่งแตกบุรีรัมย์ หลังถูกลัดคิวจนเป็นเหตุให้เสียชีวิต

เพจ เรื่องเล่าจากโรงพยาบาล ได้โพสต์ข้อความเฟซบุ๊กแสดงความกรณีที่ เด็กไส้ติ่งแตกบุรีรัมย์ หลังจากที่พ่อเปิดเผยว่า เด็กนอนอยู่บนเตียงนานถึงสองวัน และพอจะเข้าผ่าตัด ทางโรงพยาบาลก็ได้นำผู้ป่วยพิเศษเข้าไปผ่าตัดก่อนดังที่รายงานไปก่อนหน้านี้

Advertisements

โดยทางเพจระบุว่า ไม่ควรจบแค่เสียใจ และนำให้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แก้ทั้งระบบ เพื่อไม่ให้เคสผ่าตัดมากระจุกตัวที่จังหวัดเดียวกัน

ซึ่งข้อความเฟซบุ๊กระบุว่า “#กรณีไส้ติ่งเสียชีวิต #ทบทวนแก้ไข จากข่าว เด็กอายุ 12 ปี เสียชีวิตหลังจากผ่าไส้ติ่ง ได้ความเห็น คำวิจารณ์มากมาย สามารถสรุปได้ว่า สิ่งที่แทบทุกคนเห็นตรงกันก็คือ เป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น เป็นเรื่องที่ต้องมีการแก้ไข

รพ. มีความ ‘บกพร่อง’ ที่ทำให้ เด็กคนนี้ได้รับการรักษาที่ล่าช้าไป ทั้งหมดนั้น ไม่ว่าจะเป็นประชาชนทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นหมอ เป็นบุคลากรการแพทย์ รวมทั้งผมก็เห็นตรงกันหมด

แต่มันมีบางประเด็น ที่มีความเข้าใจคลาดเคลื่อน ซึ่งผมอยากจะปรับความเข้าใจกันสักหน่อย ย้ำอีกที ผมเองก็เห็นว่า กรณีเคสนี้มีช่องโหว่ บกพร่องแน่นอน แต่บางประเด็นต้องปรับความเข้าใจกันก่อน

#เคสอื่นเสร็จก็ควรผ่าไส้ติ่งต่อ ตามคำแถลง มีเคสผ่าตัดอยู่ 3 เคส เคสไส้เลื่อนอุดตันจนเน่า ,เคสผ่าคลอด ซึ่งเด็กมีสัญญาณบ่งบอกว่าอยู่ในภาวะอันตราย และสุดท้ายเคสกระดูกหัก มีแผลเปิด ซึ่งเพิ่มโอกาสในการติดเชื้อในกระดูก

Advertisements

แต่ 3 เคสนี้ เป็นเคสศัลยกรรม 1 เคส (เคสไส้เลื่อน) เคสหมอสูติ 1 เคส (ผ่าคลอด) เคสหมอออร์โธ – ศัลยกรรมกระดูก 1 เคส ( กระดูกหัก)

โดยทั่วไป นอกเวลาราชการ จะมีหมอขึ้นเวรแต่ละแผนก เพียง 1 คน (วันที่ 29 พ.ค. คือ วันอาทิตย์ รพ.ศูนย์ รพ.จังหวัด มีห้องผ่าตัดเป็นสิบ แต่อย่าลืมว่าหมอขึ้นเวรแค่ แผนกละ 1 คนนะครับ)

ดังนั้น หมอที่จะผ่าตัดเคสไส้ติ่ง ก็คือ หมอคนที่ผ่าเคสลำไส้อุดตัน เพราะฉะนั้นเคสอื่นผ่าตัดเสร็จ ก็ใช่ว่า จะนำ เคสไส้ติ่งเข้าไปผ่าได้ ยกเว้นว่า รพ. นั้นๆ มีหมอศัลย์ ขึ้นเวรมากกว่า 1 คน หรือมีแพทย์ประจำบ้านฝึกหัด , มีแพทย์เพิ่มพูนทักษะ (หรือเรียก หมออินเทิร์น หมอจบใหม่) ที่สามารถทำการผ่าตัดได้ เปิดห้องผ่าตัดไปได้เลย

สิ่งที่ควรตรวจสอบก่อน ก็คือ ที่ รพ.บุรีรัมย์นั้น หมอศัลย์ ขึ้นเวรกันอย่างไร ? ถ้าขึ้นคนเดียว ลำดับที่จะทำได้ ก็คือ เคสผ่าไส้เลื่อนเสร็จก็ต่อด้วยไส้ติ่ง ผ่าไส้เลื่อนที่ลำไส้อุดตันและเน่า เป็นการผ่าตัดที่ไม่ง่าย
และต้องใช้เวลามาก

ในข่าวไม่ได้ระบุว่า ใช้เวลาผ่ากี่ชั่วโมง ทำให้ เคสไส้ติ่งไม่ได้ผ่าต่อ ผ่าเที่ยงคืน เสร็จตี 4 ตี 5 ? จนทีมไม่สามารถผ่าต่อได้ ?

หากเป็นอย่างนั้น ทำไมไม่นำเคสเข้าผ่าตอนเช้า แทรกคิวห้องผ่าตอนเช้า ดูตามเวลา คือเช้าวันจันทร์ที่ 30 พ.ค.

กรณีแบบนี้ ที่ผ่านมา รพ. หรือ หมอ มีแนวทางปฏิบัติอย่างไร ? หมอที่รับผิดชอบเคส ถ้าผ่าไม่ไหว ต้องฝากหมอท่านอื่นมาผ่าตอนเช้าไหม ? เช้าวันจันทร์ ตารางห้องผ่าตัด คงเต็มและยาวเหยียด แต่เคสฉุกเฉินย่อมแทรกได้เสมอ เพราะฉะนั้น คำถามใหญ่ๆ คือ เหตุใด เคสไส้ติ่ง จึงได้ผ่า ตอนบ่ายโมงของอีกวัน ?

เรื่องต่อไปที่อยากทำความเข้าใจ #กรณีเคสร่อนพิบูลย์เกี่ยวอย่างไร? พอมีข่าวแบบนี้ หลายคน คนทั่วไป คงเห็นหมอพูดกันถึง เคสร่อนพิบูลย์ หลายคนคงงงว่า มันคืออะไร ขอเล่าให้ฟัง

ร่อนพิบูลย์ คือ เคสผ่าไส้ติ่งแล้วเสียชีวิต มีการฟ้องหมอเป็นคดีอาญา คำตัดสินในศาลชั้นต้น ปี 2550 ออกมาว่า หมอมีความผิด ที่ทำการผ่าตัดโดยไม่ได้มาตรฐาน คือ ไม่มีวิสัญญีแพทย์ (หมอดมยา)

ในทางปฏิบัติดั้งเดิม ใน รพ.อำเภอนั้น เราไม่มี หมอดมยา ประจำ รพ. หมอทั่วไปที่เรียนจบ 6 ปี

ได้เรียน/ฝึก เรื่องการให้ยา ในการผ่าตัดมาเบื้องต้น โดยเฉพาะการบล็อกหลัง เราได้เรียน/ฝึก การผ่าตัดพื้นฐานที่สำคัญ เช่น ผ่าไส้ติ่ง ผ่าคลอด ทำหมัน

ดังนั้นในอดีต จึงมีการผ่าไส้ติ่ง ผ่าคลอดที่ รพ.อำเภอ เป็นเรื่องปกติ คำตัดสินในคดีร่อนพิบูลย์ จึงสร้างบรรทัดฐานใหม่ขึ้นมา เนื่องจาก ไม่มีวิสัญญีแพทย์ จึงผิดรพ.อำเภอ

จึงทยอยปิดห้องผ่าตัด (แม้ปีต่อมาคือ 2551 จะมีคำพิพากษา ของศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องตามมา ก็ดูเหมือน สายน้ำจะไม่ย้อนกลับแล้ว สารภาพกันตามตรงผมเอง ยังมารู้หลังจากนั้นหลายปี ว่า คดียกฟ้องไปแล้ว เพราะมันยังถูกพูดถึง

แต่อย่างไรก็ดี มันเป็นคดีความ ก็เข้าใจได้ว่า ไม่ว่าใครก็คงไม่อยาก ที่จะให้เกิดปัญหา ยกฟ้อง ไม่ได้แปลว่า เกิดเรื่องขึ้นมา จะไม่ถูกฟ้อง เพราะฉะนั้น ก็เลี่ยงเสียดีกว่า

บาง รพ. อาจเปิดผ่าตัดต่อไปได้ นโยบายแต่ละแห่ง ศักยภาพแต่ละแห่ง ก็แตกต่างกันไป แต่ส่วนใหญ่ปิด เคสผ่าตัดก็ส่งเข้า รพ.จังหวัด รพ.ศูนย์ กันหมด

แนวทางการสอน การฝึกใน โรงเรียนแพทย์ ก็ปรับกันไป นักศึกษาแพทย์ ไม่ได้ฝึกผ่าไส้ติ่งกันแล้ว หมอที่จบใหม่ จึงทำไม่ได้ ออกไปอยู่ตามอำเภอ ไม่ได้ทำ ไม่มีให้ทำ ไม่มีใครให้ทำ ก็เป็นอันว่า ไม่ต้องเรียน ไม่ต้องฝึก

หากเทียบเคียงกับ เคสครั้งนี้ จึงมีคนคิดถึงคดีนั้นขึ้นมา หากยังมีการผ่าตัดที่ รพ.อำเภอ ผ่าไปตั้งแต่วันแรกที่เจอ ไม่ต้องส่งมารอที่ตัวจังหวัด ผลมันจะดีกว่าไหม ?

หรือกระทั่งใน รพ.จังหวัด ปกติหมอจบใหม่ พอได้ฝึกสักระยะ ก็สามารถผ่าไส้ติ่งได้เองแล้ว ใน รพ.จังหวัดที่มีพยาบาลช่วยเก่งๆ หมอศัลย์ผ่าเคสหนักไป น้องจบใหม่ก็ผ่าไส้ติ่งไปเลย ก็ยังทำกันบ่อยๆ (ในอดีต) แต่ปัจจุบันใครจะกล้า ? ทำไม่เป็นกันแล้ว

ส่วนตัวแล้ว ถึงจะคิดถึงคดีนั้น แต่ในฐานะหมอ เราจะมามัวโทษ คดีร่อนพิบูลย์ที่ผ่านมา เกือบ 15 ปี

ก็คงไม่ถูกแล้วล่ะ ระบบ และเวลาเดินไปข้างหน้า กระทรวง ต้องแก้ไขระบบให้ดีขึ้น ทำอย่างไร ให้ เคสผ่าตัด ไม่มากระจุกตัวที่ ตัวจังหวัด ทำยังไง ที่จะเพิ่มศักยภาพ รพ.อำเภอได้

ที่เขียนมายืดยาว เพราะรู้สึกว่า เราไม่ควรจบเรื่องนี้ ด้วยคำกล่าวแค่ว่า แสดงความเสียใจ แต่เราต้องทำอะไรเพื่อป้องกัน ไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก”

Nateetorn S.

ผู้สื่อข่าว ทำงานกับ Thaiger มาตั้งแต่ปี 2020 จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสคร์ เคยทำงานกับสถานีโทรทัศน์อันดับ 1 ของประเทศ ทำให้มประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ เจาะประเด็นข่าวการเมืองอาชญากรรม ข่าวแปลกๆ เรื่องน่าสนใจจากต่างประเทศ ช่องทางติดต่อ tee@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button