กระทรวงการคลัง ทำการเปิดเผยถึงผลการคาดการณ์ เศรษฐกิจไทย ปี 2565 โดยจะมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวต่อเนื่อง ตามสถานการณ์โควิด-19 ที่เริ่มดีขึ้น
(22 ธ.ค. 2564) นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงทิศทางเศรษฐกิจไทยปี 2565 ว่า “เศรษฐกิจไทยในปี 2565 มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง ตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ปรับตัวดีขึ้นและจำนวนผู้ได้รับวัคซีนที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งในส่วนของการใช้จ่ายภายในประเทศและการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่การส่งออกสินค้ามีแนวโน้มขยายตัวตามทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ การใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐยังคงมีบทบาทสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปี 2565 ให้ขยายตัวได้ที่ร้อยละ 4.0 ต่อปี”
สำหรับทิศทางการบริหารเศรษฐกิจของกระทรวงการคลังเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของ เศรษฐกิจไทย ปี 2565 จะให้ความสำคัญกับ
1. การรักษาแรงกระตุ้นทางเศรษฐกิจจากการใช้จ่ายภาคครัวเรือนและการท่องเที่ยวภายในประเทศผ่านมาตรการสนับสนุนต่างๆ ของภาครัฐ โดยจะมีการประเมินและปรับปรุงรูปแบบมาตรการที่เหมาะสมให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในระยะต่อไป
2. การขับเคลื่อนการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ โดยการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ การขับเคลื่อนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของรัฐ ทั้งในด้านการลงทุนพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษและโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งให้เป็นไปตามแผนงาน ซึ่งภาครัฐจะมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ที่สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจในปี 2565 จำนวนกว่า 1.18 ล้านล้านบาท อาทิ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี และโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย รวมทั้งการสนับสนุนการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) การส่งเสริมการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (SEZ) 10 จังหวัด และพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อการกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในภูมิภาคมากขึ้น
3. การส่งเสริม SMEs และ Startup ทั้งในส่วนของการส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนโดยอาศัยกลไกของตลาดเงิน ตลาดทุน และการเข้าถึงโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ผ่านการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ
4. การขับเคลื่อนเศรษฐกิจตาม BCG Model (Bio-Circular-Green Economic Model) ซึ่งเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมและการรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างสมดุล เพื่อให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืนไปพร้อมกัน โดยกระทรวงการคลังจะสนับสนุนโครงการต่าง ๆ เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่สังคมพลังงานสะอาด เช่น มาตรการส่งเสริมให้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) การออก Sustainability Bond เพื่อนำเม็ดเงินที่ระดมทุนได้ไปใช้สำหรับโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหรือโครงการเพื่อการพัฒนาสังคม เป็นต้น
5. การสนับสนุนการส่งออกและนำเข้าสินค้า โดยมุ่งเน้นการอำนวยความสะดวกและเพิ่มความรวดเร็วในการส่งออกและนำเข้าสินค้า เพื่อเป็นการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการประกอบธุรกิจของผู้ส่งออกและนำเข้า
6. การส่งเสริม Digital Government ในการให้บริการภาครัฐผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยกระทรวงการคลังได้พัฒนาต่อยอดระบบงานต่าง ๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งขยายขอบเขตการใช้ Digital ทั้งในด้านการบริหารจัดการของภาครัฐ เช่น ระบบการจัดซื้อจัดจ้าง การจัดเก็บภาษี รวมทั้งการให้บริการด้านต่างๆ เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว โปร่งใส และประหยัดเงินงบประมาณ เป็นต้น
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังเชื่อมั่นว่า การดำเนินการดังกล่าวจะมีส่วนช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจการคลังไทยฟื้นตัวอย่างมั่นคงและยั่งยืน
แหล่งที่มาของข่าว : รัฐบาลไทย
สามารถติดตามข่าวเศรษฐกิจเพิ่มเติมได้ที่นี่ : ข่าวเศรษฐกิจ
- กรมการจัดหางาน ชี้แจง ไม่ได้นิ่งเฉยในปัญหาขาดแคลน แรงงานต่างด้าว
- LOVEiS Entertainment ประกาศจับมือเป็นพันธมิตรกับ Bitkub นำผลงานสุด Exclusive ของศิลปินเข้าแพลตฟอร์ม