‘หมอยง’ อธิบาย ลิ่มเลือดอุดตัน หลังฉีดวัคซีน แอสตราเซเนกา
หมอยง ได้ออกมาอธิบายเกี่ยวกับอาการ ลิ่มเลือดอุดตัน หลังพบว่ามีผู้เข้ารับฉีดวัคซีน แอสตราเซเนกา เกิดอาการดังกล่าว และบางคนเสียชีวิต
แอสตราเซเนกา – นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก หลังจากที่หลายชาติในทวีปยุโรปได้สั่งระงับการฉีดแอสตราเซเนกาเป็นการชั่วคราว หลังพบว่าผู้ได้รับวัคซีนจำนวนหนึ่งเป็นลิ่มเลือดอุตัน จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต
โดยข้อความระบุว่า “เป็นที่วิตกกังวลกันว่าวัคซีน Astrazeneca จะใช้ในบ้านเรา มีข่าวในหลายประเทศหยุดใช้ชั่วคราวเพราะมีผู้ป่วยเกิดการแข็งตัวของเลือดในหลอดเลือดดำและมีการเสียชีวิต 1 ราย จากการศึกษาใน 3 ล้านรายที่ฉีดวัคซีน มีการป่วยเกิดขึ้น 22 คน หรือเทียบกับ 7 คนในล้านคนที่ฉีดวัคซีน
แน่นอนเหตุการณ์อะไรก็ตามแต่ที่เกิดขึ้นหลังการฉีดวัคซีนถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะวัคซีนนี้เป็นวัคซีนใหม่จะต้องมีการตรวจสอบว่าเกี่ยวข้องกับวัคซีนหรือไม่
อุบัติการณ์การเกิดการอุดตันของเส้นเลือดดำพบได้บ่อยในคนยุโรป อเมริกามากกว่าคนเอเชียถึง 3 เท่า
เราจะเห็นว่าเวลาขึ้นเครื่องบินจะมีการแนะนำเสมอให้กินน้ำให้มากและให้ขยับตัว ขยับเท้าเพื่อป้องกันการเกิดภาวะการณ์ดังกล่าว ปัจจัยทางพันธุกรรมมีส่วนเข้ามาเกี่ยวข้องแน่นอนที่ทำให้คนยุโรปมีโอกาสเป็นมากกว่าคนเอเชรย
หลังจากเกิดเหตุการณ์ ทางประเทศอังกฤษได้ฉีดไปแล้วมากกว่า 11 ล้านคนก็ไม่พบอุบัติการณ์ดังกล่าวเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติ
โรคดังกล่าวจะมีอัตราการเพิ่มขึ้นตามอายุที่มากขึ้นโดยคนในยุโรปที่อายุเกิน 60 ปีจะมีอุบัติการณ์ประมาณ 5-13 ใน 1,000 คน
Prof. Paul Hunter ในภาวะปกติถ้าฉีดวัคซีนแล้วติดตามไป 1 เดือน ในคนที่อายุเกิน 60 ปีขึ้นไปในช่วงเวลา 1 เดือนจะพบได้ถึง 400 ถึง 1,000 episode ต่อประชากร 1 ล้านคน
อย่างไรก็ตามจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหาสาเหตุว่าเกี่ยวข้องหรือไม่ หรือเป็นอาการที่พบร่วมด้วยหลังฉีดวัคซีน อะไรก็ตามแต่ที่เกิดร่วมด้วยหลังฉีดวัคซีนจำเป็นต้องมีการสอบสวน
อย่างที่เคยกล่าวมาแล้วหลังการฉีดวัคซีนของ Pfizer ในนอร์เวย์และเกาหลีมีการเสียชีวิตเกิดขึ้น แต่ต่อมาก็พิสูจน์ว่าการเสียชีวิตดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน วัคซีน Pfizer ก็ยังคงดำเนินการฉีดต่อไปอีกเป็นจำนวนมากหรือจะมากที่สุดก็ได้ในขณะนี้
คนเอเชียอย่างประเทศไทยมีโอกาสเกิดโรคนี้น้อยกว่าคนยุโรปถึง 3 เท่า และวัคซีนที่ใช้ที่ทางยุโรปหยุดการใช้ใน batch นี้ผลิตในยุโรป จึงมีการระงับใช้ไปไม่น้อยกว่า 6 ประเทศ แต่ว่าวัคซีนที่ใช้ในประเทศไทยผลิตจากโรงงานเกาหลี
จากข้อมูลทั้งหมดคณะกรรมการโดยเฉพาะองค์การอาหารและยาจะต้องเป็นผู้กำหนดสำหรับประเทศไทยและจะต้องมาหารือร่วมกัน”