จา พนม ยีรัมย์ ออกมาเปิดเผยถึงเส้นทางชีวิตใน 18 ปี จากสตั๊นท์แมนสู่นักแสดง ฮอลลีวูด หลังได้แสดงนำครั้งแรกในหนัง Monster Hunter
เส้นทางกว่าจะมาถึงจุดนี้ไม่ง่ายเลยสำหรับนักแสดงฮอลลีวูดชาวไทย จา พนม ยีรัมย์ ที่ออกมาเปิดเผยถึงเส้นทางชีวิตใน 18 ปี จากสตั๊นท์แมนสู่นักแสดงฮอลลีวูด หลังได้รับบทนักแสดงนำครั้งแรกในหนังเรื่อง ‘Monster Hunter’ ในรายการ ‘คุยแซ่บSHOW’ ทางช่อง one 31 เมื่อวันที่ 23 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยเจ้าตัวได้ให้สัมภาษณ์ว่า
สมัยเป็นนักแสดงหนังบู๊ ?
“18 ปีแล้วเรื่ององค์บาก ก่อนหน้านั้นทำมาทุกอย่าง ทำงานในกองถ่าย ความฝันตอนเด็กอยากเป็นนักแสดงแอ๊กชั่นก็ทำตามความฝันโดยไปสมัครเป็นสตันต์แมนมาก่อน เริ่มต้นตอนอายุ 14 แต่พอ 18-19 เริ่มเห็นทางของตัวเองไปแคสต์ภาพยนตร์ของต่างชาติที่มาถ่ายที่เมืองไทย มีโอกาสได้ไปเป็นสตันต์พระเอก ผู้กำกับอยากได้เตะสูงเราเป็นนักตะกร้อมาก่อนก็ทำได้
จากนั้นอีก 2-3 ปี เรารู้สึกว่าเป็นแค่เงา เพราะอยู่แต่เบื้องหลัง เราอยากเอาความสามารถของเราไปอยู่เบื้องหน้า เลยทำเดโม่ขึ้นมาเพื่อถ่ายทอดความสามารถของเราให้นักลงทุนเห็น เรามาฝึกฝนด้วยตัวเองบวกกับศิลปะการต่อสู้ของไทยมวยไทยมันเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์มาก จนได้มาเล่นองก์บาก คือจุดเปลี่ยนของชีวิตเลยจากสตันต์มาเป็นนักแสดงนำ”
ชีวิตเปลี่ยนขนาดไหน ?
“มีคนรู้จักมากขึ้น เราก็ต้องเข้าสังคม ออกงาน มีงานเข้ามา ปรับตัวตามสภาวะ กว่าจะมาถึงจุดเปลี่ยนก็มีเรื่องท้อ เพราะว่าคนเราไม่ได้เพอร์เฟ็กต์ เรามีสมาธิในเป้าหมายของเราคือการเดินไปข้างหน้า”
ช่วงที่โด่งดังมาก ๆ หายหน้าไปพักนึง ?
“เป็นช่วงวิบาก เราเก็บเกี่ยวพลังสมาธิที่จะขับเคลื่อนไปข้างหน้า หลังจากจบต้มยำกุ้งมันเป็นการเตรียมตัวที่จะไปฮอลลีวู้ด สิ่งที่เราตัดสินใจไปหาประสบการณ์ ครอบครัวเราก็ซัพพอร์ต ตอนนั้นเราพยายามคิดบวกรู้จักเรื่องสมาธิ ความต้องการและเป้าหมายของเราจริง ๆ คืออะไร”
ไปที่โน่นโชว์เตะต่อยค่ายหนังเยอะมาก ?
“ใช่ครับ มันไม่ได้ง่ายเลย ผมไปโชว์ความเป็นไทย ศิลปะมวยไทย ความแอ๊กชั่นแบบไม่ใช้เทคนิกของเรา มันได้ใจเขา เขาชอบ ความกล้ากับความกลัวมันเป็นของคู่กัน ตัดความกลัวออก และกล้าที่จะไป”
ตอนที่พุ่งไปหาเป้าหมายต้องทิ้งอะไรไหม ?
“ไม่ตัดอะไรเลย เรามีเป้าหมายที่ชัดเจนและคนรอบข้างเข้าใจเรา ภาษาไปตอนแรกก็งู ๆ ปลา ๆ ก็มีไปเรียนภาษา พอได้มาเล่นฮอลลีวู้ดเป็นนักแสดงนำ มันคือเป้าหมายสูงสุดในชีวิตที่ผมอยากทำ”
อุบัติเหตุกลางกอง ?
“ฉากแอ๊กชั่นเตะต่อยข้อเท้าพลิกแบบเสียงดังเลย ส่งไปโรงพยาบาลเลยปิดกอง คุณหมอตรวจเอ็กซเรย์ มันเป็นช่วงข้อต่อพลิกนิดหน่อยไม่หักไม่ฉีก แต่เขาใส่เฝือก”
ทำไมไม่บอกเมีย ?
“เราไม่อยากให้เขาเป็นห่วง ไม่อยากให้ที่บ้านเป็นห่วง ถ้าเราบอกเขาข่าวมันต้องไปเยอะ เราก็ใส่เฝือกไปถ่ายต่อ เมียก็ไม่รู้ กลัวเขาเป็นห่วง”
ทำไมไม่เคยเปิดตัวภรรยา ‘บุ้งกี๋’ ในสื่อ ?
“ในโซเชี่ยลคนก็จะรู้ ภรรยาไม่อยากออกสื่อ เขาบอกอยู่แบบนี้สบายใจกว่า มีลูกสาว 2 คน เรือนแก้วกับจอมขวัญ เหมือนเราทั้ง 2 คนเลย เขาก็มีแวว เคยเอาไปดูที่ญี่ปุ่น จีน แต่ที่ฮอลลีวู้ดไม่เคย ถ้าหากเขาอยากเราก็สนับสนุนดูที่เขาชอบหรือไม่ชอบ ไม่ได้บังคับ เวลาไปถ่ายงานต่างประเทศเราก็มีโซเชี่ยลกัน คิดถึงมาก”
มองหนทางตัวเองยังไง ?
“เราไปปักธง เราภูมิใจเรา ผมได้เห็นโลกภาพยนตร์เยอะมาก เราเก็บเกี่ยวประสบการณ์ เพราะฉะนั้นอะไรที่เราสามารถสร้างทีมในเมืองไทยได้ มันจะเกิดขึ้นได้”
สามารถรับชมบทสัมภาษณ์ของจา พนมในรายการ คุยแซ่บSHOW ได้ทางด้านล่างนี้
- ปราโมทย์ แสงศร เปิดใจ เผยความสัมพันธ์ระหว่าง แอนดริว เกร้กสัน
- ฐปณีย์ เผย ชีวิต นักข่าว เคยถูกขู่ฆ่าจากผู้มีอิทธิพล ลำบากจนต้องกินซากหมู
- JYP แจงปมสัญญา จินยอง GOT7 สิ้นสุดเมื่อไหร่
#จาพนม #จาพนมวันนี้ #จาพนมล่าสุด
ภาพปก: Facebook คุยแซ่บShow