ข่าวต่างประเทศ

ผวาซ้ำ พายุลูกใหม่มาอีกแล้ว “ไต้ฝุ่นฟงวอง” หลังคัลแมกีเพิ่งถล่ม ตาย 114 ศพ

  • กรมอุตุนิยมวิทยาไทย ประกาศว่า เมื่อเวลา 07.00 น. วันนี้ “คัลแมกี” อ่อนกำลังเป็นดีเปรสชันอยู่ที่เมืองจำปาสักตอนล่าง ประเทศลาว คาดจะเข้า อ. สิรินธร จ. อุบลราชธานี ช่วง 09.00-10.00 น. พายุเคลื่อนทางตะวันตกด้วยความเร็ว 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ฟิลิปปินส์ผวา ซูเปอร์ไต้ฝุ่นฟงวอง จ่อถล่ม จี้อพยพพื้นที่เสี่ยง

7 พฤศจิกายน 2568 – รัฐบาลฟิลิปปินส์ ประกาศเตรียมความพร้อมขั้นสูงสุด รับมือผลกระทบจากพายุที่อาจทวีกำลังเป็น “ซูเปอร์ไต้ฝุ่นฟงวอง (Fung-wong)

สำนักงานพยากรณ์อากาศฟิลิปปินส์ (PAGASA) ออกประกาศเตือนเมื่อเวลา 05.00 น. เช้านี้ ระบุว่า พายุโซนร้อนรุนแรงฟงวอง อยู่ห่างจากเกาะมินดาเนาไปทางตะวันออกประมาณ 1,500 กิโลเมตร พายุมีความเร็วลมสูงสุด 95 กม./ชม. ลมกระโชกแรง 115 กม./ชม. คาดว่าจะเคลื่อนตัวเข้าสู่ฟิลิปปินส์ ในช่วงเที่ยงคืนวันนี้ (7 พ.ย.) หรือเช้าตรู่วันเสาร์ (8 พ.ย.)

ที่น่ากังวลที่สุดคือ PAGASA คาดการณ์ว่า พายุลูกนี้จะทวีกำลังขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจกลายเป็นไต้ฝุ่น ภายใน 24 ชั่วโมง และอาจกลายเป็นซูเปอร์ไต้ฝุ่นในช่วงเย็นวันเสาร์หรือเช้าวันอาทิตย์

ขณะเดียวกัน กระทรวงมหาดไทยและรัฐบาลท้องถิ่น (DILG) ได้สั่งการให้หน่วยงานท้องถิ่น (LGU) ต้องอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงสูงให้เสร็จสิ้นภายในวันอาทิตย์นี้ (9 พ.ย.) เพื่อเตรียมรับมือผลกระทบจากพายุ “ฟงวอง”

พายุฟงวองมีความเร็วลมสูงถึง 95 กม./ชม. และอาจทวีกำลังขึ้น

“เราขอเรียกร้องให้ผู้บริหารท้องถิ่นดำเนินการอพยพในพื้นที่เสี่ยงให้เสร็จสิ้นไม่เกินวันอาทิตย์ การอพยพแต่เนิ่นๆ ช่วยรักษาชีวิต” DILG แถลง

กระทรวงมหาดไทยย้ำว่า “เราไม่สามารถนิ่งนอนใจได้ 48 ชั่วโมงข้างหน้ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเตรียมความพร้อม เราขอให้ทุกคนติดตามข้อมูล ปฏิบัติตามคำแนะนำของท้องถิ่น และให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่”

ส่วนจะกระทบประเทศไทยหรือไม่นั้น เพจเฟซบุ๊ก ฝ่าฝุ่น ได้ให้ความรู้ว่า “ตามหลังคัลแมกิมา ปัจจุบันเป็นพายุโซนร้อนแล้ว
เดี๋ยวจะขึ้นเป็นไต้ฝุ่นระดับ 3 ฟิลิปปินส์เละครั้งที่ 20 แล้วมั้ง

แต่โชคดีสำหรับไทยที่เธอตัดสินใจหักขวาลงข้างทางก่อน แต่ถ้ามาถึงไทยรับรองเราเละเป็นโจ๊ก และจะเป็นพายุหมุนลูกที่ 8 มากที่สุดในรอบ 20 ปี (หรืออาจจะนานกว่าเพราะหาข้อมูลกลับไปไม่ค่อยได้)

คิดว่าจำนวนพายุเข้าตรง+เฉี่ยวไทยปีนี้คงจะกระตุกต่อมรับรู้ได้แล้วว่าโลกร้อนมีผลต่อไทยด้านน้ำหลาก และอยากให้เราเลิกเป็นกบต้มหันมาตระหนักและสนใจต่อความผาสุกลุ่มน้ำเพื่อลูกหลานของเรา มีอะไรหลายอย่างด้านการป้องกันที่เราทำให้ลูกหลานได้ แต่ต้องอาศัยข้อมูลที่ถูกต้อง แทนที่จะเดินขัดขากันไปตลอดทางจนทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่าง ทิ้งประเทศจมน้ำส่งให้ลูกหลานแบบตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ (เพราะไม่กล้าเล่าความจริง)”

พายุฟงวองหักขวา จ่อถล่มฟิลิปปินส์ซ้ำ

ส่วนสาเหตุที่เส้นทางของพายุหักขวาเลี้ยวขึ้นด้านบนนั้น ทางเพจอธิบายเพิ่มเติมถึงความโชคดีนี้ว่า “พายุเลี้ยวกลับทิศเพราะถูกพัดโดย ลมระดับสูง (steering flow) และได้รับอิทธิพลจาก แรงโคริออลิส โดยปกติพายุจะเคลื่อนที่ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือในตอนแรกจากอิทธิพลของลมค้า จากนั้นเมื่อพายุเคลื่อนตัวขึ้นเหนือไปยังละติจูดสูงขึ้น แรงโคริออลิสจะทำให้พายุโค้งไปทางขั้วโลก และในที่สุดอาจเลี้ยวกลับทิศไปทางตะวันออก”

เวียดนามอพยพกว่า 2.6 แสนคน ปิด 6 สนามบิน ขณะที่ฟิลิปปินส์ยังวิกฤต ยอดตายพุ่ง 114 ศพ สูญหายอีก 127 คน

7 พฤศจิกายน ไต้ฝุ่น “คัลแมกี” (Kalmaegi) พัดขึ้นฝั่งถล่มพื้นที่ภาคกลางของเวียดนามอย่างรุนแรงเมื่อวันพฤหัสบดี (6 พ.ย.) ทำให้ทางการต้องสั่งยกเลิกเที่ยวบินหลายร้อยเที่ยว สั่งการให้ประชาชนอยู่แต่ในเคหสถาน

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานจากเมืองฮอยอัน ประเทศเวียดนาม ระบุว่า พายุลูกนี้เกิดขึ้นเพียง 2 วันหลังจากที่มันพัดถล่มภาคกลางของฟิลิปปินส์ คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 114 ราย

กรมอุตุนิยมวิทยาเวียดนามรายงานว่า ไต้ฝุ่นคัลแมกีมีความเร็วลมสูงสุด 149 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อิทธิพลของพายุทำให้เกิดคลื่นสูงถึง 10 เมตร (30 ฟุต) พัดหลังคาบ้านเรือนหลุดปลิว ต้นไม้และเสาโทรเลขโค่นล้ม นี่คือพายุลูกที่ 13 ที่พัดเข้าเวียดนามในปีนี้ และถือเป็นหนึ่งในลูกที่รุนแรงที่สุด

ทางการเวียดนามสั่งปิดสนามบิน 6 แห่ง รัฐบาลเปิดเผยว่าได้อพยพประชาชนมากกว่า 260,000 คนในจังหวัดยาไล (Gia Lai) ไปยังพื้นที่ปลอดภัย นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้เตรียมทหารกว่า 268,000 นาย ให้เตรียมพร้อมสำหรับปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัย พร้อมเตือนภัยน้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มต่ำ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่เกษตรกรรม รวมถึงแหล่งปลูกกาแฟหลักในเขตที่ราบสูงภาคกลาง

ในขณะที่เวียดนามกำลังเผชิญพายุ ที่ฟิลิปปินส์ สถานการณ์ยังคงเลวร้าย ยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดอยู่ที่ 114 ราย ยังมีผู้สูญหายอีก 127 คน ความเสียหายที่แท้จริงเพิ่งปรากฏชัดเจนเมื่อวันพฤหัสบดี หลังจากน้ำท่วมในจังหวัดเซบู (Cebu) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด เริ่มลดระดับลง

สภาพในจังหวัดเซบูเผยให้เห็นบ้านเรือนที่พังราบเป็นหน้ากลอง รถยนต์พลิกคว่ำ ถนนหนทางเต็มไปด้วยเศษซากปรักหักพัง การค้นหาผู้สูญหายและการแจกจ่ายความช่วยเหลือเป็นไปอย่างยากลำบาก

ลิซา เบคัส (Liza Becus) ชาวบ้านในเมืองทาลีไซ จังหวัดเซบู กล่าวขณะกลับมายังซากบ้านของเธอว่า “ทุกอย่างถูกทำลายหมด เหลือแต่พื้น ทุกอย่างถูกพัดหายไป เราไม่เหลืออะไรเลย” เธอกล่าวพร้อมกับเก็บเศษโลหะไปขายเพื่อซื้อข้าวให้ลูกทั้ง 7 คน “ลูกๆ ของฉันไม่มีอะไรเหลือเลย ทั้งชุดนักเรียน กระเป๋า ของทุกอย่างหายไปหมด”

โศกนาฏกรรมในเซบูครั้งนี้ เกิดขึ้นเพียงหนึ่งเดือนหลังจากเกาะเพิ่งเผชิญเหตุแผ่นดินไหวขนาด 6.9 ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปหลายสิบคน ขณะเดียวกัน นักพยากรณ์อากาศกำลังจับตาพายุอีกลูกที่กำลังก่อตัวทางตะวันออกของฟิลิปปินส์ ซึ่งอาจทวีกำลังเป็นไต้ฝุ่นและพัดเข้าถล่มซ้ำเติมในสัปดาห์หน้า

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

Aindravudh

นักเขียนประจำ Thaiger มีประสบการณ์เขียนข่าวมากกว่า 5 ปี จบการศึกษาด้านภาษาและประวัติศาสตร์ จากคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความสนใจ ประเด็นความเคลื่อนไหวทางสังคมและการเมือง เจาะประเด็นข่าวทางสังคม ด้วยกลวิธีการเล่าเรื่องแบบย่อยง่าย อย่างงานเขียนสร้างสรรค์ สั้น กระชับ จับทุกประเด็น หัวข้อที่เชียวชาญคือเรื่องไลฟ์สไตล์ เลขเด็ด หวยรัฐบาลไทย หวยลาว ช่องทางติดต่อ vajara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button