อย่าประมาท “เตือนทำลายเอกสารสำคัญ” 3 ข้อต้องเช็ก หลังสำเนาปชช.โผล่หราตลาดนัด

เตือนภัยก่อนทิ้งเอกสารสำคัญ ทำลายดีพอหรือยัง จากข่าวสำเนาบัตรประชาชนกลายเป็นถุงกล้วยทอดทำต้องกลับมาทบทวนวิธีจัดการเอกสารส่วนตัวกันใหม่หมด
วันนี้ (23 ก.ย.68) ศูนย์เฝ้าระวังการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล PDPC Eagle eye Bangkok ออกมาเตือนพิษภัยแฝงจากการเผลอทิ้งเอกสารส่วนตัวไปโดยไม่ทำลายให้ดี หลังจากเมื่อเร็วๆ นี้เกิดกรณีสำเนาบัตรประชาชนซึ่งเลข 13 หลักชัดเจนไปโผล่หราอยู่บนถุงกล้อยทอดข้างทาง
เนื้อหาแจ้งเตือนภัยล่าสุดระบุว่า จากข่าวสำเนาบัตรประชาชนกลายเป็นถุงกล้วยทอด ? ทำให้เราต้องกลับมาทบทวนวิธีจัดการเอกสารส่วนตัวกันใหม่หมด เพราะแค่การฉีกทิ้งธรรมดา อาจไม่ปลอดภัยอีกต่อไป
ย้อนกลับไปเมื่อ 15 กลับ.ย.68 กลุ่มพวกเราคือผู้บริโภค มีการแจ้งข้อมูลซึ่งบังเอิญไปเลือกซื้อขนม “ไข่นกกระทา” แล้วดันตาดีเหลือไปเห็นว่า แพคเกจสะดุดตาขั้นสุดเพราะมันถูกห่อด้วยกระดาษที่เป็น “สำเนาเอกสารหน้าบัตรประชาชนพร้อมกับเลข 13 หลัก ปรากฎหราจนลูกค้ารายนี้อดไม่ได้จะนำเรื่องมาตีแผ่เป็นอุทรหรณ์


สำหรับ “วิธีทำลายเอกสาร” ที่ถูกต้องและปลอดภัย เพื่อปิดตำนาน อวสานถุงกล้วยแขก ทางศูนย์เฝ้าระวังการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลได้อธิบายขั้นตอนไว้อย่างละเอียด ดังนี้
ใช้เครื่องทำลายเอกสาร
- เครื่อง Cross-cut ที่จะตัดกระดาษเป็นชิ้นเล็กๆ เหมือนเศษกระดาษโปรย ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะนำมาต่อใหม่ ส่วนแบบ Micro-cut ยิ่งปลอดภัยสูงสุด
แช่น้ำให้เปื่อยยุ่ย
- ไม่มีเครื่องทำลายเอกสาร ? นำเอกสารใส่ถังน้ำ แช่ทิ้งไว้ 24 ชั่วโมงจนกระดาษเปื่อยยุ่ย จากนั้นใช้มือขยำหรือปั่น ให้กลายเป็นเนื้อเดียวกัน แค่นี้ข้อมูลส่วนบุคคลก็จะปลอดภัย
เผาทำลาย
- ข้อควรระวัง ต้องทำในที่โล่งแจ้ง ควบคุมได้ และอยู่ในภาชนะทนไฟเท่านั้น ห้ามทำในบ้านหรือระเบียงคอนโดเด็ดขาด เพราะเสี่ยงไฟไหม้และสร้างมลพิษ
คำเตือน : การใช้ปากกาขีดฆ่า หรือแค่ฉีกเป็น 4-5 ชิ้น ไม่ใช่วิธีที่ปลอดภัยมากพอ ที่จะช่วยคุณจากมือมิจฉาชีพ มาช่วยกันสร้างสังคมที่ปลอดภัย เริ่มต้นง่ายๆ ที่ตัวเราเอง แชร์โพสต์นี้เพื่อเตือนเพื่อนๆ และญาติผู้ใหญ่กันเถอะ เพราะหน่วยงานไหนไม่ทำตามกฏหมายมีความผิดด้วย
ย้อนดูเคสแรก เอาผิด PDAPA เชือดไก่ให้ลิงดูกรณี “ตำนานซองโตเกียว” 1.2 ล้านบาท !
ก่อนหน้านี้กรณีข้อมูลส่วนบุลคลรั่วไหลนั้นในบ้านเราเคยปรากฏเคสแรกที่เชือดไก่ให้ลิงดูจากบทลงโทษข้อหา PDPA ลุยปราบ “มหากาพย์ข้อมูลรั่ว” แบบเอาจริง
ย้อนกลับไปเมื่อต้นเดือนสิงหาคม 2568 “PDPA Thailand” ออกมาอัปเดตข้อมูลจากเคส “โรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง” ทำข้อมูลเวชระเบียนผู้ป่วยรั่วไหลจนกลายไปเป็น “ซองขนมโตเกียว” และเป็นข่าวใหญ่ตั้งแต่ช่วง พ.ค.ปีที่แล้ว (2567)
ถึงปัจจุบันบทลงโทษออกมาแล้ว โดย “สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.)” ประกาศอย่างเป็นทางการว่า โรงพยาบาลต้นเรื่องถูกสั่งปรับกว่า 1.2 ล้านบาท
ทั้งนี้สืบสวนพบทางโรงพยาบาลทำสัญญากับกิจการขนาดเล็กให้รับหน้าที่ “ทำลายเอกสารเวชระเบียน” ทั้งหมดของผู้ป่วย แต่คนรับจ้างฝั่งเอกชนกลับเอาเอกสารกลับไปพักไว้ที่บ้าน จากนั้นไม่ได้ทำตามขั้นตอนที่ตกลง คือไม่ได้เอาไปทำลาย ทั้งยังไม่ได้แจ้งให้โรงพยาบาลทราบว่า ข้อมูลทั้งหมดได้รั่วไหลออกไปเรียบร้อยแล้วเป็นจำนวนกว่า 1,000 ฉบับ เข้าข่ายความผิด ฐาน “ไม่ปฏิบัติตามหน้าที่” ของผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (Data Processor) จนนำมาสู่บทลงโทษครั้งนี้
สำหรับบทลงโทษคดีดังกล่าวแบ่งออกเป็น 2 ฝ่ายหลักๆ ที่ต้องรับผิดชอบ คือ
- ฝั่งโรงพยาบาล ในฐานะ “ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller)” ถูกลงโทษปรับ 1,210,000 บาท
- ฝั่งบุคคลธรรมดา ในฐานะ “ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (Data Processor)” ถูกลงโทษปรับ 16,940 บาท
รวมมูลค่าการลงโทษจากทั้ง 2 ฝั่ง ผ่านคำสั่งจากทางปกครองแล้ว คือจำนวนเงินกว่า 1,226,940 บาท โดยก่อนหน้านี้ มี “มหากาพย์ข้อมูลรั่ว” ออกมาเต็มไปหมด ไม่ใช่แค่รูปแบบของ “ถุงขนมโตเกียว” แต่มีทั้ง “ถุงขนมเบื้อง” และ “ห่อกล้วยแขก”
ส่วนข้อมูลที่รั่วไหลนั้น นอกจาก “ข้อมูลผู้ป่วย” แล้ว ยังมี “ข้อมูลบัญชีธนาคาร” หรือแม้แต่ “สำเนาบัตรประชาชน” ออกมาด้วย (อ่านสกู๊ปฉบับเต็มที่นี่).

อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เอกสารหลุด 1200 ชื่อ อ้าง DSI เตรียมเรียกสอบ ให้การพยานคดีฮั้วสว.
- สคบ. แนะวิธีเซ็นสำเนาบัตรประชาชน ป้องกันมิจฉาชีพ ย้ำ ห้ามถ่ายหลังบัตร
- ปิดตำนาน 20 ปี คดีโฉนดถุงกล้วยแขก ไกล่เกลี่ยลงตัว วัดยอมจ่าย 1.9 ล้าน
ติดตาม The Thaiger บน Google News: