วิจัยเผย กัญชา เพิ่มความเสี่ยง ‘หัวใจวาย’ 6 เท่า สูบอายุน้อยยิ่งตายไว

สายเขียวต้องระวัง งานวิจัยล่าสุดจากวารสารทางแพทย์ ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงที่น่ากังวลระหว่างการใช้กัญชากับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโรคหัวใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มคนอายุต่ำกว่า 50 ปี พบว่าผู้ใช้กัญชามีโอกาสเกิดภาวะหัวใจวายสูงกว่าผู้ที่ไม่ใช้ถึง 6 เท่า
แม้กัญชาจะถูกกฎหมายในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย แต่ก็ยังมีข้อถกเถียงไม่จบสิ้นว่า การใช้กัญชาเพื่อสันทนาการปลอดภัยจริงหรือไม่ งานวิจัยใหม่ 2 ฉบับชี้ว่าผู้ใช้กัญชาเสี่ยงต่อภาวะหัวใจวายมากขึ้น แม้จะเป็นคนหนุ่มสาวที่ไม่มีปัญหาสุขภาพมาก่อนก็ตาม
งานวิจัยชิ้นแรกเป็นการศึกษาข้อมูลย้อนหลังจากผู้ป่วยกว่า 4.6 ล้านคน ซึ่งเผยแพร่ในวารสาร JACC Advances เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2025 ขณะที่งานวิจัยอีกฉบับเป็นการวิเคราะห์ข้อมูลจากการศึกษา 12 ฉบับที่รวมกลุ่มตัวอย่างกว่า 75 ล้านคน ซึ่งจะถูกนำเสนอในงานประชุมประจำปีของ American College of Cardiology (ACC.25)
นักวิจัยพบว่าผู้ใช้กัญชาอายุต่ำกว่า 50 ปีมีความเสี่ยงเกิดภาวะหัวใจวายสูงกว่าผู้ที่ไม่ใช้ถึง 6 เท่า นอกจากนี้ การวิเคราะห์ข้อมูลรวมยังพบว่าการใช้กัญชาสัมพันธ์กับความเสี่ยงของโรคหัวใจวายที่สูงขึ้น 50%
ดร.อิบราฮิม คาเมล แพทย์จากมหาวิทยาลัยบอสตันและผู้เขียนหลักของงานวิจัยกล่าวว่า “แพทย์ควรถามประวัติการใช้กัญชาเป็นส่วนหนึ่งของการประเมินความเสี่ยงโรคหัวใจ เช่นเดียวกับที่เราถามเกี่ยวกับการสูบบุหรี่
ทีมวิจัยของคาเมลได้ใช้ข้อมูลจากเครือข่ายวิจัยสุขภาพ TriNetX ซึ่งเข้าถึงข้อมูลเวชระเบียนอิเล็กทรอนิกส์ ผลการศึกษาพบว่าในช่วงการติดตามผลเฉลี่ย 3 ปี
ผู้ใช้กัญชามีโอกาสเกิดภาวะหัวใจวายสูงกว่าคนทั่วไปถึง 6 เท่า
เสี่ยงเกิดโรคหลอดเลือดสมองตีบสูงขึ้น 4 เท่า
เสี่ยงเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวสูงขึ้น 2 เท่า
เสี่ยงเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดสูงขึ้น 3 เท่า
ผู้เข้าร่วมการศึกษาทุกคนมีอายุต่ำกว่า 50 ปี และไม่มีปัจจัยเสี่ยงโรคหัวใจมาก่อน เช่น ความดันโลหิตสูง คอเลสเตอรอลสูง เบาหวาน หรือการสูบบุหรี่
นักวิจัยยังได้รวบรวมข้อมูลจากการศึกษาก่อนหน้านี้ 12 ฉบับ ที่มีผู้เข้าร่วมรวมกว่า 75 ล้านคน พบว่า 7 ใน 12 การศึกษาชี้ให้เห็นว่าการใช้กัญชามีความสัมพันธ์กับภาวะหัวใจวาย ในขณะที่ 4 ฉบับไม่พบความสัมพันธ์ที่ชัดเจน และ 1 ฉบับระบุว่าความเสี่ยงอาจลดลงเล็กน้อย
เมื่อรวมผลทั้งหมด พบว่าผู้ใช้กัญชามีโอกาสเกิดภาวะหัวใจวายสูงกว่าผู้ที่ไม่ใช้ถึง 1.5 เท่า
อย่างไรก็ตาม แม้ว่างานวิจัยเหล่านี้จะมีความน่าเชื่อถือ แต่ก็มีข้อจำกัด เนื่องจากเป็นการศึกษาย้อนหลังซึ่งอาจมีปัจจัยแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น ปริมาณและระยะเวลาการใช้กัญชา การใช้สารเสพติดอื่นร่วมด้วย เช่น โคเคน ลักษณะการใช้กัญชา เช่น การสูบหรือการรับประทาน
คาเมลกล่าวว่า “ผู้ป่วยควรเปิดเผยข้อมูลกับแพทย์อย่างตรงไปตรงมา เพราะเราเป็นผู้สนับสนุนสุขภาพของพวกเขา และข้อมูลที่ครบถ้วนจะช่วยให้การดูแลสุขภาพเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ”
แม้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ากัญชาส่งผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือดอย่างไร แต่นักวิจัยสันนิษฐานว่าอาจเกี่ยวข้องกับ การเปลี่ยนแปลงของจังหวะการเต้นของหัวใจ ความต้องการออกซิเจนของกล้ามเนื้อหัวใจที่เพิ่มขึ้น ความผิดปกติของเยื่อบุหลอดเลือด (endothelial dysfunction) ทำให้หลอดเลือดหดตัวและส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือด
งานวิจัยบางชิ้นยังพบว่าความเสี่ยงของภาวะหัวใจวายอาจเพิ่มขึ้นสูงสุดภายใน 1 ชั่วโมงหลังจากการใช้กัญชา
สรุปแล้ว แม้ว่ากัญชาจะได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายในฐานะพืชสมุนไพร แต่หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ชี้ว่าการใช้กัญชาอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยเฉพาะในกลุ่มคนหนุ่มสาวที่คิดว่าตนเองมีสุขภาพดี
ดังนั้น ผู้ใช้กัญชาควรตระหนักถึงความเสี่ยงนี้ และหากมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับหัวใจ ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็วเพื่อประเมินความเสี่ยงและหาแนวทางป้องกันที่เหมาะสม
แหล่งอ้างอิง
- JACC: Advances งานวิจัย: “Myocardial Infarction and Cardiovascular Risks Associated with Cannabis Use” โดย อิบราฮิม คาเมล และคณะ, 18 มีนาคม 2025
- American College of Cardiology’s Annual Scientific Session (ACC.25)
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ลูกบ้านสุดทน ต่างชาติเช่ารายวัน ปาร์ตี้กัญชา เสียงดัง-กินคลุ้งทั่วคอนโด แต่ทำอะไรไม่ได้
- องค์การเภสัชกรรม เตรียมแจกน้ำมันกัญชา 10,000 ขวด ปลายเดือนนี้