ทหารหนุ่มเผยเรื่องช็อก หำหดเล็ก-รูปร่างเปลี่ยนไป หมอคาดเป็นเพราะสิ่งนี้ที่ชายหลายคนก็ทำ

หนุ่มๆ ระวังกันให้ดี เมื่อนายทหารวัย 26 ปีชาวอเมริกัน เผยเรื่องสุดช็อก จู๋หดเล็กลง รูปร่างเปลี่ยนไป แพทย์คาดอาจเกิดจากสิ่งนี้ ที่ใครหลายคนก็ทำ
เรื่องราวดังกล่าวเป็นของ มาร์ค มิลลิช อดีตจ่าสิบเอกกองทัพสหรัฐฯ วัย 26 ปี ที่เจ้าตัวมีปัญหาเรื่องผมที่บางลงขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เขาต้องพึ่งอินเทอร์เน็ตในการแก้ไขปัญหา โดยเจ้าตัวได้กรอกแบบสอบถาม 14 ข้อในเว็บไซต์ของบริษัทอย่าง Hims.com ก่อนที่จะได้รับขวดยาแก้ผมร่วงมาส่งถึงบ้านเมื่อเดือนมกราคม 2021


แม้ว่าจะได้ตัวยามา แต่ตลอดกระบวนการ มิลลิช เผยว่าเขาไม่ได้มีการพูดคุยกับแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเลยแม้แต่คนเดียว และนั่นทำให้เขาไม่ทราบถึงผลข้างเคียงที่ร้ายแรงที่กำลังจะตามมา
ภายใน 6 เดือนหลังจากที่เริ่มทานายาฟีนาสเตอร์ไรด์ เขาเริ่มมีอาการวิงเวียนศีรษะ, อ่อนเพลีย, เหงื่อเย็น และพูดจาไม่ชัด วึ่งเจ้าตัวอธิบายว่ามันเหมือนกับสมองส่วนหน้าถูกตัดออก ขณะที่สภาพจิตใจก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน เขากลายเป็นคนด้านชา รู้สึกแค่เพียงอาการชาเท่านั้น รวมไปถึงด้านร่างกาย เขาเสียมวลกล้ามเนื้อ และผิดหนังก็เริ่มยืดหยุ่นเกินกว่าที่ควรจะเป็น
ด้วยความกลัว เขาตัดสินใจหยุดทานยาดังกล่าวในเดือนกรกฎาคม 2021 แต่กลายเป็นว่าหลังจากนั้นมีอาการข้างเคียงที่แย่กว่าเดิม นั่นก็คือความต้องการทางเพศของเขาลดลงอย่างมาก แถมอวัยวะเพซก็หดเล้กลง และมีรูปร่างที่เปลี่ยนไป
ขณะที่เขากำลังต่อสู้กับสถานการณ์ทั้งหมด เขาอ้างว่าบริษัทดังกล่าวไม่เคยมีการแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายของยา แถมยังมีโฆษณายาแบบผิดๆ

ทั้งนี้ ยาฟีนาสเตอไรด์ (Finasteride) เป็นชื่อสามัญของโพรพีเซีย (Propecia) ยาชนิดนี้มักเป็นที่แนะนำของแพทย์สำหรับท่านชายที่มีปัญหาผมร่วง เพื่อช่วยปรับปรุงการเจริญเติมโตของเส้นผม
ในร่างกายผู้ชนะ จะมีเอนไซม์ที่เรียกว่า 5α-reductase มีหน้าที่แปลงเทสโทสเตอโรนเป็นฮอร์โมนที่เรียกว่า DHT (dihydrotestosterone) ซึ่งเจ้า DHT จะทำให้เส้นผมสั้นลงและบางลง และในที่สุดก็หยุดการเจริญเติบโตในบริเวณที่ได้รับผลกระทบ
โดยยาฟีนาสเตอไรด์จะเข้ามาลดปริมาณ DHT ที่ผลิตในร่างกายโดยการยับยั้งการผลิต 5α-reductase แต่ DHT ยังมีความสำคัญต่อการกระตุ้นทางเพศ การแข็งตัวของอวัยวะเพศ และสุขภาพเนื้อเยื่ออวัยวะเพศ และการลดลงของมันอาจส่งผลเสียต่อการทำงานเหล่านี้
ในบางเคส รวมถึงเคสของมิลลิช ผลข้างเคียงยังคงอยู่แม้จะหยุดยาไปแล้ว นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า Post-Finasteride Syndrome (PFS) และอาจรวมถึงความผิดปกติทางเพศในระยะยาว ภาวะซึมเศร้า และปัญหาด้านการรับรู้
ในปี 2024 ชาวอเมริกันมากกว่า 2.6 ล้านคนกำลังใช้ยาแก้ผมร่วง ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นเกือบ 200 เปอร์เซ็นต์ในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา โดยผู้ชายอย่างน้อย 1 ใน 100 ต้องทนทุกข์ทรมานจากผลข้างเคียงที่สำคัญอย่างน้อยหนึ่งอย่าง
ดร.จัสติน ฮูแมน แพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะที่ Cedars-Sinai Medical Center ในลอสแองเจลิส กล่าวกับ Wall Street Journal ว่าชายหนุ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ กำลังถูกรบกวนจากผลข้างเคียงทางเพศของยาฟีนาสเตอไรด์ โดยเขาได้อธิบายว่านี่คือผลข้างเคียงที่พบบ่อยมากในปัจจุบัน พร้อมกับแนะนำว่า “นี่ไม่ใช่สิ่งที่หนุ่มๆควรใช้”
อ้างอิง : www.dailymail.co.uk
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ผิดไหม สาวไม่สละที่นั่งริมหน้าต่างให้เด็ก ถูกถ่ายคลิปประจาน ทัวร์ลงยับ ชีวิตพัง-ตกงาน
- สาวจีนทุ่มเงิน 7 แสน โคลนนิ่งสุนัขสุดรักที่ตายไป ทำชาวเน็ตเสียงแตก รักตัวเองมากกว่ารึเปล่า?
- บอนนี่ บลู ฉาวอีก ล่าแต้มหนุ่มมหาลัยวัย 18 ในงาน Spring Break ที่เม็กซิโก