น่าห่วง ‘ไข้หวัดใหญ่’ ระบาดหนักทั่วประเทศ 15 วัน ยอดติดเชื้อพุ่งเฉียดแสน เสียชีวิตแล้ว 9 ราย เร่งฉีดวัคซีนป้องกัน ลดอาการป่วยหนัก-เสียชีวิต แนะนำวิธีป้องกันตนเอง
เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2568 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยสถานการณ์ไข้หวัดใหญ่ในไทยน่ากังวล จากสถิติพบว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 ถึงปัจจุบัน พบผู้ติดเชื้อแล้ว 99,057 ราย และเสียชีวิตแล้ว 9 ราย เทียบกับข้อมูลเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2568 ที่มีผู้ติดเชื้อเพียง 7,819 ราย พบว่าภายใน 15 วันมีผู้ติดเชื้อพุ่ง 91,238 ราย
จากสถิติแนวโน้มผู้ป่วยสูงขึ้นมาก เมื่อเทียบกับปี 2567 และสูงกว่าค่ากลางย้อนหลัง 5 ปี การระบาดเป็นกลุ่มก้อน พบว่า 15 เหตุการณ์ ส่วนใหญ่แล้วมักจะเกิดขึ้นที่โรงเรียน
เขตที่พบผู้ป่วยสูงสุดคือ เขตสุขภาพที่ 9 ได้แก่ จังหวัดนครราชสีมา สุรินทร์ บุรีรัมย์ และชัยภูมิ พบ ผู้ป่วยสะสมมากที่สุด 6,938 ราย เสียชีวิตแล้ว 3 ราย ซึ่งกลุ่มที่พบผู้ป่วยมากที่สุดคือ เด็กอายุ 5-9 ปี ป่วย รองลงมาคือ อายุ 4 ปี และ 3 ปี
อย่างไรก็ตาม รมว.สธ. ย้ำกลุ่มเสี่ยงสูง ได้แก่ ผู้ที่มีอายุ 65 ปี ขึ้นไป, ผู้มีโรคประจำตัว ได้แก่ หอบหืด หัวใจ และเบาหวาน รวมทั้งหญิงตั้งครรภ์ และเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ควรได้รับวัคซีนป้องกัน เป็นการลดความรุนแรงของโรค และการเสียชีวิต
วิธีป้องกันตนเองไข้หวัดใหญ่เบื้องต้น
กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ออกมาแนะนำวิธีการป้องกันตนเองจากโรคติดต่อระบบทางเดินหายใจ เพียงไม่กี่วิธีสามารถลดโอกาสการเกิดโรคได้
1. ปิดปากและจมูกขณะไอหรือจาม
2. ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้เจลแอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือเพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อโรค
3. หลีกเลี่ยงสถานที่แออัดที่มีอากาศถ่ายเทไม่ดี
4. หากมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ ควรหยุดพักรักษาตัวอยู่บ้าน 3-7 วัน หรือจนกว่าจะหายเป็นปกติ เพื่อลดการแพร่
ส่วนผู้ป่วยที่มีอาการไม่มากนัก ควรพักรักษาตัวที่บ้าน 3-7 วัน หรือจนกว่าจะหายดี รวมทั้งสวมหน้ากากอนามัยเวลาใกล้ชิดผู้อื่น และปิดปาก-จมูก เวลาไอหรือจาม อีกทั้งแนะนำให้ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ หากอาการป่วยไม่ดีขึ้น มีอาการหอบเหนื่อย ซึม และรับประทานอาหารได้น้อยควรรีบพบแพทย์
สธ. ส่งเสริมฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ตามวงรอบการระบาด โดยมีวัคซีน 4.5 ล้านโดส ซึ่งสปสช.กำลังวางแผนกระจายวัคซีนไปยังสถานพยาบาลให้กับกลุ่มเป้าหมายหลักตามสิทธิประโยชน์ ดังนี้
1. เด็กอายุ 6 เดือน – 2 ปี
2. ผู้สูงอายุที่อายุ 65 ปีขึ้นไป
3. ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้
4. ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค ได้แก่ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการได้รับเคมีบำบัด และเบาหวาน
5. ผู้ที่เป็นโรคธาลัสซีเมียและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
6. ผู้ที่ป่วยเป็นโรคอ้วน มีน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไปหรือดัชนีมวลกายมากกว่า 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร
7. หญิงตั้งครรภ์ แนะนำให้ฉีดเมื่ออายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป
8. บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข สนับสนุนโดยกรมควบคุมโรค
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ไข้หวัดใหญ่นศ. ป่วยไข้หวัดใหญ่ ดับสลดใน 6 ชม. หลังเข้า รพ. แพทย์เตือน ป้องกันด่วน
- วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ ปี 2568 เช็กราคา-พิกัดฉีด ข้อควรรู้
- เคสหายาก สาววัย 19 เต้านมขยาย ไซซ์ทริปเปิลจี หลังฉีดวัคซีนโควิด
ข่าวล่าสุด
