ทรัมป์ สั่งยกเลิกนโยบายคุ้มครองความหลากหลาย มุ่งจำกัดสิทธิ LGBTQ+
‘โดนัลด์ ทรัมป์’ สั่งยกเลิกนโยบายคุ้มครองความหลากหลายทางเพศ เดินหน้าจำกัดสิทธิกลุ่ม LGBTQ+ ในตั้งแต่วันแรกที่ขึ้นรับตำแหน่ง
สำนักข่าวต่างประเทศ Reuters รายงานว่า ในวันที่ 20 มกราคม 2568 (ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ) ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ได้ออกคำสั่งให้สหรัฐฯ รับรองเพียงสองเพศเท่านั้น คือ “ชาย” และ “หญิง” โดยระบุว่าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ พร้อมทั้งยกเลิกนโยบายต่าง ๆ ที่ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเชื้อชาติ และนโยบายที่ว่าด้วยเรื่องการปกป้องสิทธิของกลุ่ม LGBTQ+
คำสั่งดังกล่าวกำหนดให้รัฐบาลใช้คำว่า “เพศ” (sex) แทน “เพศสภาพ” (gender) และกำหนดให้เอกสารแสดงตนที่ออกโดยรัฐบาล รวมถึง “หนังสือเดินทาง” และ “วีซ่า” ต้องระบุตามเพศทางชีวภาพที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ กล่าวคือเป็นชายหรือหญิงเท่านั้น
ภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังเข้ารับตำแหน่ง ทรัมป์เดินหน้าดำเนินการตามคำมั่นสัญญาในการหาเสียง ด้วยการยกเลิกนโยบายต่าง ๆ ที่รัฐบาลของประธานาธิบดรคนก่อนอย่าง “โจ ไบเดน” ได้วางไว้ ซึ่งให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความหลากหลายในหน่วยงานรัฐบาลกลาง โดยได้ยกเลิกคำสั่งบริหารของไบเดน ถึง 78 ฉบับ รวมถึงมาตรการอย่างน้อย 12 ฉบับที่สนับสนุนความเท่าเทียมทางเชื้อชาติ และต่อต้านการเลือกปฏิบัติต่อกลุ่มเกย์และคนข้ามเพศ
“สัปดาห์นี้ ผมจะยุตินโยบายของรัฐบาลที่พยายามวิศวกรรมสังคมเรื่องเชื้อชาติ และเพศในทุกแง่มุมของชีวิตสาธารณะและส่วนตัว เราจะสร้างสังคมที่ไม่แบ่งแยกสีผิวและยึดความสามารถเป็นหลัก ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จะเป็นนโยบายอย่างเป็นทางการของรัฐบาลสหรัฐฯ ว่ามีเพียงสองเพศเท่านั้น คือชายและหญิง” ทรัมป์กล่าวในสุนทรพจน์เข้ารับตำแหน่ง
อย่างไรก็ดี การยกเลิกนโยบายด้านความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการอยู่ร่วมกัน (DEI) รวมถึงการจำกัดสิทธิคนข้ามเพศอย่างรุนแรงของทรัมป์ เกิดขึ้นในวันหยุดมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ซึ่งเป็นวันรำลึกถึงผู้นำด้านสิทธิพลเมือง
กลุ่มสิทธิพลเมืองและสิทธิมนุษยชนได้ประกาศทันทีว่า จะปกป้องชนกลุ่มน้อย และต่อต้านวาระของทรัมป์ โดยทาง ‘เคลลีย์ โรบินสัน’ ประธานแคมเปญสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นกลุ่มรณรงค์เพื่อสิทธิ LGBTQ+ ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ กล่าวว่า “เราจะไม่ถอยและไม่ยอมให้ใครมาข่มขู่ เราจะไม่ไปไหน และจะต่อสู้กับข้อกำหนดที่เป็นอันตรายเหล่านี้ในทุกวิถีทาง”
นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิระบุว่า การยกเลิกนโยบาย DEI และสิทธิคนข้ามเพศที่ทรัมป์ดำเนินการจะเป็นการทำลายความพยายามอันยาวนานในการสร้างนโยบายที่เท่าเทียม และบั่นทอนความก้าวหน้าที่ได้มาในการแก้ไขอคติเชิงระบบที่ริดรอนโอกาสที่เท่าเทียมของกลุ่มชายขอบมาเป็นเวลาหลายทศวรรษ
นอกจากนี้ หลายบริษัทได้เริ่มถอยห่างจากมาตรการ DEI โดยบางแห่งได้ยกเลิกโครงการและแผนงาน DEI ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม บริษัทอย่าง Costco และ Apple ยังคงยืนยันที่จะรักษาพันธสัญญาด้าน DEI ต่อไป
ภายใต้คำสั่งบริหารฉบับใหม่ จะไม่มีการใช้เงินทุนของรัฐบาลกลางในการส่งเสริม “อุดมการณ์เพศสภาพ” ซึ่งเป็นคำที่กลุ่มอนุรักษ์นิยมมักใช้อ้างถึงอุดมการณ์ใด ๆ ที่ส่งเสริมมุมมองที่ไม่ใช่แบบดั้งเดิมเกี่ยวกับเพศและเพศสภาพ
ทั้งนี้ กลุ่มสิทธิและกลุ่มรณรงค์มองว่า คำดังกล่าวเป็นการใช้ภาษาที่ต่อต้านกลุ่ม LGBTQ+ และลดทอนความเป็นมนุษย์
ไม่เพียงเท่านั้น รัฐบาลทรัมป์ยังมีแผนที่จะจำกัดขอบเขตของชัยชนะครั้งสำคัญสำหรับสิทธิคนข้ามเพศภายใต้คำตัดสินของศาลฎีกาสหรัฐฯ ในคดี Bostock v Clayton County ปี 2020 ซึ่งศาลสูงพบว่าการคุ้มครองสิทธิพลเมืองต่อต้านการเลือกปฏิบัติ “บนพื้นฐานของเพศ” นั้นครอบคลุมถึงรสนิยมทางเพศและอัตลักษณ์ทางเพศด้วย โดยอัยการสูงสุดจะให้แนวทางที่ชัดเจนในการนำคำตัดสินคดี Bostock ไปปฏิบัติ
สิทธิคนข้ามเพศได้กลายเป็นประเด็นทางการเมืองที่มีการโต้เถียงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ในช่วงฤดูกาลเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายน พรรครีพับลิกันหลายคนรณรงค์หาเสียงด้วยการล้มล้างกฎหมายเกี่ยวกับคนข้ามเพศ โดยเฉพาะการมุ่งเน้นไปที่การเข้าร่วมกีฬาของผู้หญิงข้ามเพศ
ในการปราศรัยก่อนพิธีสาบานตนเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า เขาจะดำเนินการ “กีดกันผู้ชายทั้งหมดออกจากกีฬาผู้หญิง”
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เมกาเลิกโว้ค ทรัมป์ เซ็นสำสั่ง เอกสารราชการ พาสปอร์ต มีแค่เพศ ชาย-หญิง เท่านั้น
- ทรัมป์ เซ็นยกเลิกให้สัญชาติเด็กเกิดใหม่ กับทารกที่พ่อแม่อยู่แบบผิดกฎหมาย มีผลทันที
- ทรัมป์ เริ่มทำงานทันที เซ็นคำสั่งถอนตัวจาก WHO-สนธิสัญญาปารีส