ขุดประวัติ อส.คลั่ง กราดยิงร้านข้าวต้ม พ่อแม่ดับต่อหน้าลูก หวังยิงตัวตายหนีผิด
ข่าวใหญ่วันนี้ หนีไม่พ้นคดีสะเทือนขวัญกลางร้านข้าวต้ม “ครัวภาวนา” ถนนนวลแก้วอุทิศ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อคืนวันที่ 22 ธันวาคม 2567 เวลาประมาณ 22.00 น. อส. (อาสาสมัครรักษาดินแดน) ก่อเหตุใช้อาวุธปืนกราดยิงภายในร้าน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บอีก 3 ราย จากงานวันเกิดของครอบครัวลูกชายวัย 12 กลายเป็นฝันร้ายไปตลอดกาล
เหตุการณ์เริ่มต้นจาก อส.คนกราดยิง ชื่อ นายอัครพณธ์ ภามจำนง อายุ 50 ปี อส.อ.หาดใหญ่ เดินทางมาที่ร้านเพียงลำพัง สั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วนั่งดื่มกินตามปกติ จากนั้นได้เดินออกไปสูบบุหรี่บริเวณริมถนนหน้าร้าน ในระหว่างนั้น เด็กเสิร์ฟของร้านเข้าใจผิดคิดว่าลูกค้าเช็คบิลแล้ว จึงได้เข้ามาเก็บโต๊ะ
ปรากฎว่า อส.อัครพณธ์ เกิดความไม่พอใจอย่างมาก เมื่อกลับเข้ามาในร้านจึงมีปากเสียงกับทั้งเด็กเสิร์ฟและ น.ส.ภาวนา อุดทา อายุ 46 ปี เจ้าของร้าน ด้วยอารมณ์ที่โกรธเคือง อส.อัครพณธ์ ได้ขับรถออกจากร้านไป
แต่เหตุการณ์ไม่ได้จบลงแค่นั้น อส.อัครพณธ์ ได้ขับรถกลับมาที่ร้านอีกครั้ง พร้อมกับอารมณ์ที่ยังคงคุกรุ่นได้มีปากเสียงกับเจ้าของร้านอีกครั้ง ก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลายไปสู่ความรุนแรง อส.อัครพณธ์ ได้ชักอาวุธปืนขนาด 9 มม. ออกมากราดยิงไปทั่วร้านอย่างไม่ยั้ง ส่งผลให้ผู้ที่อยู่ในร้านต่างพากันวิ่งหนีตายอลหม่าน
เหตุการณ์กราดยิงส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ราย คือ นายสิทธิพงศ์ ศิริพันธ์ อายุ 48 ปี ซึ่งถูกยิงเข้าที่ศีรษะ และ น.ส.อรชอน เอียดคำ อายุ 45 ปี เสียชีวิตที่โรงพยาบาล ที่น่าสลดใจคือ ทั้งสองเป็นสามีภรรยาที่เดินทางมาฉลองวันเกิดให้กับลูกชายวัย 12 ปี
นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 3 ราย ได้แก่ เด็กหญิงวัย 6 ขวบ เป็นลูกสาวของสองสามีภรรยา ถูกยิงเข้าที่ศีรษะเช่นกัน น.ส.ภาวนา อุดทา เจ้าของร้าน ถูกยิงบริเวณศีรษะ และนายสุริยา สุประดิษฐ์ ลูกค้าอีกราย ถูกยิงที่แขนขวา
มีรายงานว่า หลังก่อเหตุ อส.อัครพณธ์ ได้พยายามหนีไปจะยิงตัวตายหนีความผิด แต่ญาติเกลี่ยกล่อมให้มอบตัว จึงได้เดินทางเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ
ฝั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 8 ปลอก ตกกระจายอยู่ทั่วบริเวณร้าน และได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด พบภาพเหตุการณ์ขณะที่ อส.อัครพณธ์ กราดยิงอย่างชัดเจน โดยขณะก่อเหตุยังได้เดินวนมายิงซ้ำผู้ที่นอนบาดเจ็บอยู่อย่างเหี้ยมโหด
ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ได้สั่งการให้ปลด อส.อัครพณธ์ ออกจากตำแหน่งทันที และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เนื่องจากเป็นเจ้าหน้าที่รัฐที่ต้องมีสำนึกรับผิดชอบต่อหน้าที่ในการดูแลประชาชน แต่กลับกระทำความผิดเสียเอง ต้องได้รับโทษทวีคูณ
นายอนุทิน กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ตนจะมีความสนิทสนมกับ อส. หลายคน แต่หากมี อส. ประพฤติตนเป็นอันธพาลเช่นนี้ ก็ต้องดำเนินการอย่างเต็มที่ เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง และเพื่อให้ประชาชนเห็นว่ารัฐบาลไม่ได้ปกป้องผู้กระทำผิด พร้อมย้ำว่า อส. สามารถพกอาวุธปืนได้เฉพาะในเวลาราชการเท่านั้น หากอยู่นอกเวลาราชการจะไม่มีสิทธิ์ และจะมีความผิดเพิ่มขึ้นอีกหลายกระทง
นอกจากนี้ นายอนุทิน ยังได้กล่าวถึงกระแสข่าวเกี่ยวกับการกระทำความรุนแรงของ อส. ในอดีต ว่าไม่เป็นความจริง เพราะที่ผ่านมา อส. มักเป็นผู้ถูกกระทำมากกว่า และขออย่าตัดสิน อส. ทั้งหมดจากเหตุการณ์เพียงครั้งเดียว พร้อมทั้งกล่าวถึงการประสานงานกับกองทัพบก เพื่อเพิ่มศักยภาพของ อส. ในการปฏิบัติหน้าที่ให้ใกล้ชิดและเป็นมิตรกับประชาชนมากขึ้น รวมถึงเพิ่มศักยภาพในการป้องกันตัวเอง และยอมรับว่าจาก อส. ทั่วประเทศ 30,000 คน อาจมีบางส่วนที่ประพฤติไม่เหมาะสม แต่ก็ได้กำชับให้นายอำเภอควบคุมดูแลระเบียบวินัยของ อส. อย่างเข้มงวดต่อไป
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- บีบหัวใจ ลูกชายวัย 12 โพสต์เศร้า หลังพ่อแม่ถูก อส. คลั่งยิงดับ
- เปิดโพสต์สุดท้าย พ่ออวยพรวันเกิดลูกชาย ก่อนถูก อส.คลั่งยิงดับสลด
- ตั้ง 4 ข้อหาหนัก อส.หาดใหญ่กราดยิง อนุทิน สั่งปลดทันที