หนุ่ม กรรชัย ร้องอุ้ย เพื่อนบ้านแฉ ‘หมอดูฮวงจุ้ยคนดัง’ เคยทำสิ่งนี้มาก่อน
หนุ่ม กรรชัย อึ้ง เพื่อนบ้านหมอดูฮวงจุ้ยคนดัง แฉพฤติกรรมในอดีต เคยเป็นหัวโจก เปิดบ่อน-เล่นพนัน ผันตัวเป็นหมอดู สร้างภาพทายาทรุ่นที่ 15 อาจเข้าข่ายหลอกลวง
ตามกันต่อ สำหรับกรณีของ ‘หมอดูฮวงจุ้ยคนดัง’ ที่หลอกลวงคุณยายวัย 77 ปี ซื้อวัตถุมงคลและทำพิธี สูญเงินกว่า 66 ล้านบาท เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม ที่ผ่านมา ผู้เสียหายต่างชี้แจงผ่านรายการโหนกระแส โดยมี ‘หนุ่ม กรรชัย’ เป็นพิธีกร ในระหว่างการพูดคุยหมอดูฮวงจุ้ยได้ต่อสายเข้ามาเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงในประเด็นต่าง ๆ พร้อมสัญญาว่าจะคืนเงินให้กับผู้เสียหายอย่างแน่นอน แม้เจ้าตัวจะอธิบายอย่างไรแต่ ณ ขณะนี้ผู้เสียหายก็ยังไม่เชื่อใจเต็มร้อยว่าจะได้รับเงินคืน
ล่าสุด หนุ่ม กรรชัย ได้หยิบยกเรื่องราวดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง โดยในครั้งนี้ได้คนสนิทของหมอดูคนดังเข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วย ซึ่งสิ่งที่ทำให้พิธีกรหนุ่มถึงกับอึ้ง เนื่องจากคุณ ‘บี’ (นามสมมุติ) เพื่อนบ้านของหมอดูฮวงจุ้ย เล่าว่า พ่อของหมอดูคนดังกล่าว เคยเป็นคนขับแท็กซี่ ส่วนแม่ทำอาชีพเป็นแม่ค้าขายข้าวแกง
กระทั่งพ่อได้ไปเรียนวิชาฮวงจุ้ยจากผู้โดยสารคนหนึ่ง ซึ่งเป็นซินแสจึงได้สอนศาสตร์การดูฮวงจุ้ยให้ หากไปถามคนที่อาศัยอยู่ในละแวกนั้นมาเป็นเวลานานจะทราบเรื่องนี้กันหมด
ส่วนหมอดูฮวงจุ้ย เมื่อ 20 ปีก่อน เป็นหัวโจกของแก๊ง ชอบเล่นการพนัน และเคยเปิดบ่อนพนันฟุตบอล ซึ่งตอนนี้ได้ปิดไปแล้ว ก่อนจะผันตัวมาเป็นหมอดู ซึ่งตัวเธอเองก็เกิดข้อสงสัย เนื่องจากเห็นบ้านของหมอดูคนนี้มานาน ตั้งแต่สมัยที่ยังไม่รวย แต่ทำไมจู่ ๆ จึงผันตัวมาเป็นทายาทรุ่นที่ 15 ของศาสตร์ฮวงจุ้ย หรือการจัดพื้นที่อยู่อาศัยให้เหมาะสมสำหรับผู้อยู่อาศัย
อย่างไรก็ตาม เธอมั่นใจว่าหมอดูคนดัง และเพื่อนบ้านของเธอเป็นคนเดียวกัน ในตอนที่ยังอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ พอเริ่มมีฐานะขึ้นมาก็ซื้อตึกอยู่ที่หน้าหมู่บ้าน พร้อมทั้งอธิบายเพิ่มเติมว่า เมื่อก่อนเขาตี๋ขาวดูดีมาก แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนไปค่อนข้างเยอะ เพราะเริ่มมีเนื้อมีน้ำมีนวลขึ้น
นอกจากนี้ บียังบอกอีกว่า ไม่มีใครในหมู่บ้านไปดูฮวงจุ้ยกับหมอดูคนดังเลย ซึ่งข้อมูลนี้ขัดแย้งกับเขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า ตนเป็นทายาทผู้สืบทอดศาสตร์รุ่นที่ 15 และได้รับการฝึกฝนจากพ่อซึ่งเป็นซินแสชื่อดังมาตั้งแต่อายุ 12 ปี
ด้าน หนุ่ม กรรชัย เผยว่า มีคนพยายามค้นหาข้อมูลของทายาทผู้สืบทอดศาสตร์ รุ่นที่ 14 แต่ไม่พบข้อมูลใด ๆ ซึ่ง ‘ทนายแก้ว’ และ ‘ทนายไพศาล’ ที่ร่วมรายการ มองว่า หากพิสูจน์แล้วไม่พบข้อมูล อาจเข้าข่ายนำเข้าข้อมูลเท็จได้ โดยอาจต้องถูกดำเนินคดีเพิ่มเติม
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง