BMW เจอปัญหาระบบเบรก เรียกคืนรถกว่า 1.5 ล้านคันทั่วโลก ส่งผลหุ้นร่วง 11% จนต้องปรัลดเป้าหมายทางการเงินปี 2024 เพราะค่าใช้จ่ายพุ่ง ยอดขายลด
ผู้สื่อข่าวต่างประเทศรายงาน BMW บริษัทผู้ผลิตรถยนต์หรูชื่อดังจากเยอรมนี ประกาศลดเป้าหมายยอดขายและกำไรสำหรับปีงบประมาณ 2024 เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นเพื่อใช้แก้ไขปัญหาเกี่ยวกับระบบเบรก ส่งผลกระทบต่อรถยนต์มากกว่า 1.5 ล้านคันทั่วโลก
ปัญหาระบบเบรก ผลิตโดยซัพพลายเออร์ของ BMW ทำให้บริษัทต้องเสียค่าใช้จ่ายในการแก้ไขเป็นจำนวนเงินหลายร้อยล้านยูโรในไตรมาสที่ 3 การหยุดส่งมอบรถยนต์ที่ได้รับผลกระทบยังคาดว่าจะทำให้ยอดขายลดลงอีกด้วย
BMW ระบุว่าปัญหาเบรกนี้ส่งผลกระทบต่อรถยนต์ประมาณ 1.53 ล้านคันใน 5 ประเทศ ได้แก่ จีน 370,000 คัน, สหรัฐอเมริกา 270,000 คัน, เยอรมนี 150,000 คัน, เกาหลี 70,000 คัน และฝรั่งเศส 60,000 คัน
รถยนต์ที่เรียกคืนผลิตขึ้นระหว่างเดือนมิถุนายน 2022 ถึงสิงหาคม 2024 ครอบคลุมหลายรุ่น เช่น BMW X บางรุ่น (ยกเว้น X3 และ X4), ซีรีส์ 5 และ 7, Rolls-Royce Spectre, MINI Cooper และ Countryman
ในจำนวนรถยนต์ที่ได้รับผลกระทบ 1.53 ล้านคัน มี 1.2 ล้านคันที่อยู่ในมือลูกค้าแล้ว ประมาณ 320,000 คันยังคงอยู่กับ BMW หรือตัวแทนจำหน่าย
BMW ได้พัฒนาซอฟต์แวร์วินิจฉัยเพื่อตรวจจับความผิดพลาดของเบรกก่อนจะเกิดเหตุจริง หากตรวจพบความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น ระบบจะแจ้งเตือนผู้ขับขี่ให้ไปที่ศูนย์บริการโดยเร็วที่สุดเพื่อเปลี่ยนระบบโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
นอกจากค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเรียกคืนระบบเบรกแล้ว BMW ยังระบุถึง “ความต้องการที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง” ในประเทศจีน ซึ่งส่งผลกระทบต่อยอดขายเนื่องจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยังคงอ่อนแอ แม้ว่ารัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก็ตาม
ด้วยเหตุผลทั้งสองประการนี้ BMW จึงปรับลดเป้าหมายกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษีของกลุ่มยานยนต์สำหรับปี 2024 เหลือ 6% ถึง 7% จากเดิมที่ 8% ถึง 10% และคาดว่าผลตอบแทนจากเงินทุนที่ใช้ไปจะอยู่ระหว่าง 11% ถึง 13% ลดลงจาก 15% ถึง 20%
BMW ยังคาดการณ์ว่ายอดส่งมอบทั่วโลกในปี 2024 จะลดลงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ข่าวนี้ส่งผลให้หุ้นของ BMW ร่วงลงมากกว่า 11% ในช่วงบ่ายของวันอังคาร ขณะที่หุ้นของ Continental ลดลงกว่า 10%
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง