เปิดวาร์ป เชษฐ-โชติ เชษฐโชติศักดิ์ ลูกชายเฮียฮ้อ เตรียมกุมบังเหียนอาร์เอส
เปิดวาร์ป เชษฐ-โชติ เชษฐโชติศักดิ์ สองพี่น้องลูกชาย “เฮียฮ้อ” ประธานกรรมการบริหารบริษัท อาร์เอส คนพี่ดีกรีอดีตนักร้องดัง คนน้องเชี่ยวชาญสายบริหารอีคอมเมิร์ซ ลุ้นคุมบังเหียนธุรกิจในเครือ
เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2567 บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ “อาร์เอส กรุ๊ป” ภายใต้การบริหารของ เฮียฮ้อ (นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์) ประกาศปรับกลยุทธ์แผนธุรกิจและโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ โดยหนึ่งในแผนสำคัญคือการดึงตัวลูกชายสองพี่น้องอย่าง นายเชษฐ เชษฐโชติศักดิ์ “ป็อป” พี่ชาย อายุ 35 ปี และนายโชติ เชษฐโชติศักดิ์ “โชติ” ผู้เป็นน้อง อายุ 32 ปี เข้ารับบทบาทผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักทั้งสองพี่น้องเชษฐ-โชติ ไปพร้อมกัน
ประวัติ เชษฐ เชษฐโชติศักดิ์ อดีตสมาชิกวง The Papers
นายเชษฐโชติศักดิ์ หรือมีชื่อเล่นว่า ป็อป เกิดในปี พ.ศ.2532 ปัจจุบันอายุ 35 ปี เป็นผู้บริหารรุ่นใหม่ที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาธุรกิจยุคใหม่ พร้อมผ่านประสบการณ์กว่า 8 ปี ในการบริหารธุรกิจร้านอาหารและสถานที่ท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็น Beer Belly Yuji, Ramen, OKONOMI ฯลฯ ภายใต้ คอร์ทยาร์ด กรุ๊ป โดยยังเป็นผู้ก่อตั้งคอมมูนิตี้มอลล์ชื่อดังย่านทองหล่ออย่าง 72 COURTYARD อีกด้วย
ทั้งนี้ เชษฐยังเคยเป็นสมาชิกวงดนตรีอย่าง The Papers อีกด้วย อีกทั้งเชษฐเผยเหตุผลที่ตัวเองเริ่มเล่นกีตาร์ ว่าเป็นเพราะว่ามีอยู่วันหนึ่ง เชษฐได้รู้จักกับเพื่อนชาวตุรกีชื่อแซม ซึ่งบังเอิญว่าทั้งคู่ชอบวงดนตรีระดับตำนานอย่าง เรดฮอทชิลลีเป๊ปเปอร์ (Red Hot Chili Peppers) ทั้งคู่เลยนั่งแกะเพลงของวงนี้มาเล่นด้วยกันเรื่อย ๆ นอกจากนี้ยังมีความชื่นชอบในการ์ตูนดรตรีอย่าง เบ็ค (Beck) เหมือนกัน ทำให้ยิ่งอยากเล่นขึ้นไปอีก
โชติ เชษฐโชติศักดิ์ ดีกรีผู้บริหารรุ่นใหม่ของ RS
นายโชติ เชษฐโชติศักดิ์ เกิดในปี พ.ศ.2535 ปัจจุบันอายุ 32 ปี สำเร็จการศึกษาบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาวิชาการเงิน จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กิฟท์ อินฟินิท จำกัด (มหาชน) หรือ GIFT โดยดำเนินธุรกิจในกลุ่มเทคโนโลยี, อาหาร, สุขภาพและความงาม เป็นธุรกิจหลัก
อีกทั้งเมื่อปี 2565 โชติยังคว้าลิขสิทธิ์ มอมส์ ทัช (MOM’S TOUCH) ร้านไก่ทอดเกาหลีและเบอร์เกอร์ มาเปิดที่ไทยอีกด้วย โดยให้เหตุผลว่าตนได้มีโอกาสบินไปกินถึงร้านต้นตำรับในประเทศเกาหลีใต้อยู่บ่อยครั้ง ทำให้รู้สึกว่าอยากให้คนไทยได้กินของอร่อย ๆ เช่นนี้บ้าง จึงเป็นที่มาของการคว้าไลเซนส์ของร้านดังกล่าวมานั่นเอง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง