พยาบาลรีเฟอร์ เจออุบัติเหตุหนัก ตอนส่งตัวผู้ป่วย เปิดใจ บางครั้งไม่อยากได้แค่กระเช้า
พยาบาลรีเฟอร์เปิดใจ หลังประสบอุบัติเหตุขณะส่งตัวผู้ป่วย วอนต้นสังกัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แสดงความรับผิดชอบมากกว่านี้ ไม่ใช่มาเยี่ยมหายไป ควรเช็กอาการ ผลกระทบระยะยาว
วันนี้ (28 พ.ค.67) โลกออนไลน์ต่างพากันสะเทือนใจกับเรื่องราวของพยาบาลรีเฟอร์ ซึ่งเผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊ก Noo-Koy S. Anutsara Ktr หลังเธอต้องประสบอุบัติเหตุรุนแรง ขณะปฏิบัติหน้าที่ระหว่างการส่งต่อผู้ป่วยไปรักษาต่อยัง โรงพยาบาลปลายทาง
ข้อมูลในโพสต์ระบุ เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2567 ขณะที่พยาบาลรีเฟอร์กำลังปฏิบัติหน้าที่ส่งต่อผู้ป่วยหญิงตั้งครรภ์ไปยังโรงพยาบาลปลายทาง ระยะทางประมาณ 100 กม. โดยมีผู้โดยสาร 4 คน คือ คนป่วยตั้งท้อง , พยาบาล , สามีของผู้ป่วย และเจ้าหน้าที่ขับรถ 1 คน ออกเดินทางเวลา 16.55 น.
แต่ระหว่างทาง เวลาประมาณ 17.24 น. รถพยาบาลเกิดอุบัติเหตุถูกชนโดยรถกระบะ (ตอนเกิดเหตุ ในโพสต์พยาบาลเจ้าของเรื่อง เล่าว่าจำเหตุการณ์ไม่ได้ ทราบเพียงมีพลเมืองดีโทรเเจ้งว่าเกิดอุบัติเหตุ) ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 5 คน และบาดเจ็บ 6 คน
โดยพยาบาลรีเฟอร์รายนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนถูกนำตัวมาส่งมีอาการเลือดออกในสมอง ใบหน้าด้านขวาบวม หูซ้ายฉีก กระดูกนิ้วก้อยหักเเบบมีเเผลเปิด กระดูกสะโพกขวาหลุด กระดูกเชิงกรานหัก
ปัจจุบัน พยาบาลรีเฟอร์เจ้าของเรื่องยังคงต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล แพทย์สั่งใช้รถเข็นเป็นเวลา 1 เดือน ยังไม่ให้เดิน ขยับ ยกขาเองไม่ได้ ลุกนั่งเองบนเตียงไม่ได้
หลังเกิดเรื่องมาถึงตอนนี้ พยาบาลเคราะห์ร้ายต้องใช้สิทธิลาป่วย เสียวันลาของตัวเอง ทั้ง ๆ ไม่ได้อยากป่วย ไม่ได้อยากลา ไม่ได้อยากหยุดงาน ค่าเงินต่าง ๆ ที่จะได้รับก็ไม่ได้
พ.ร.บ. คุ้มครองกรณีเกิดเอุบัติเหตุ จ่ายให้ 30,000 บาท ตามสิทธิ์ ที่เหลือใช้สิทธิ์ตัวเอง ลาป่วยได้ 60 วัน รวมตลอดปีงบ หลังจากนั้นก็อาจจะไม่ได้เงินเดือน
ส่วนเรื่องเรียกร้องค่าชดเชยจาก พ.ร.บ. ต้องดำเนินการเอง ยังไม่นับรวมปัญหา ลูก 1.4 ขวบ ต้องฝากไว้กับญาติ ทุกคนต้องหยุดงาน ตั้งเเต่นอน รพ. ยังไม่ได้อุ้มลูกเเม้เเต่ครั้งเดียว
และจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีการชี้แจงหรือการดำเนินการใด ๆ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะที่เสียงวิพากษ์วิจารณ์ส่วนมากก็ถามถึงความรับผิดชอบของ รพ. ต้นสังกัด เช่นเดียวกับเจ้าของเรื่องที่ก็อยากให้กระทรวงสาธารณสุขฯ เข้ามาช่วยเหลือมากกว่านี้ ไม่ใช่แค่มาเยี่ยม แต่อยากให้มีการติดตามอาการระยะยาว ระยะสั้น รวมถึงผลกระทบที่จะตามมาด้วย.
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- สสจ.บึงกาฬ แจงกรณีโรงพยาบาลเหลือแพทย์คนเดียว วางแผนแล้ว
- เศร้า กระบะชนรถพยาบาล ดับ 4 ศพ แม่ตั้งท้องสิ้นใจพร้อมลูกในครรภ์
- ด่วน! มือมีดไล่แทง ปชช. ในโรงพยาบาลจีน ตาย 2 เจ็บ 21