โต้กันเดือด ‘ครูไพบูลย์-เอ๋ มิรา’ ปมเงินเลี้ยงดูลูก ซัดความจริงคนละม้วน
แลกกันหมัดต่อหมัด ครูไพบูลย์ ฟาดกลับ เอ๋ มิรา พูดเท็จเรื่องค่าเลี้ยงดูบุตร ตนฝากไว้กับครูที่โรงเรียนแล้ว เจอสวนกลับไม่เคยฝากเงินให้ลูกสักเดือน ต่อไปนี้ไม่ต้องมาเจอหน้าลูกแล้ว
นาทีนี้ซัดกันนัว หลังจากเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2567 เน็ตไอดอลดัง เอ๋ มิรา ชลวิรัลวานิศร์ ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ต่อว่าอดีตสามี ครูไพบูลย์ แสงเดือน ว่าไม่เคยส่งเสียค่าเลี้ยงดูบุตรเดือนละ 10,000 บาท ตามที่เคยตกลงกันไว้ จนล่วงเลยกินเวลามานานกว่า 8-9 เดือนแล้วนั้น
วันนี้ 26 มกราคม 2567 ด้านครูไพบูลยได้ออกมาชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กแล้วว่า ตนฝากเงินไว้ที่คุณครูประจำโรงเรียนให้ลูกชาย หรือ น้องสายแนน เดือนละตั้งแต่ 500-1,000 บาท และตนก็ยินยอมจ่ายค่าเลี้ยงดูบุตรเดือน 10,000 บาท ตามที่ตกลงไว้ โดยมีเงื่อนไขว่าให้ลูกเป็นผู้ถอนเงินจากบัญชีได้คนเดียวเมื่อบรรลุนิติภาวะ ซึ่งพอจะไปเปิดบัญชีตามคำสั่งศาล ฝ่ายเอ๋กลับบอกว่ายังไม่พร้อม และขอเลื่อนการเปิดบัญชีเป็นวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 ความว่า
“จากประเด็นเรื่องเมื่อวาน ระหว่างผมกับผู้หญิงคนนั้น คดีค่าเลี้ยงดูบุตร ที่เมื่อวานเราได้มาขึ้นศาลเยาวชนจังหวัดเลย ในกรณีที่ผู้หญิงคนนั้นไปโพสต์บอกสังคมว่าผมไม่ยอมจ่าย หรืออะไรต่างๆนานา
ผมขอพูดความจริงตรงนี้และหวังว่าท่านผู้พิพากษาในศาลนี้ท่านจะเห็นนะครับ ว่าสิ่งที่ผมพูดคือความจริงทั้งหมด คือ เราทั้งสองตกลงกันแล้วเรื่องค่าเลี้ยงดูบุตร ผมยินยอมจ่ายให้ลูกเดือนละ 1 หมื่นบาท ด้วยการฝากเข้าบัญชีเพื่อ ด.ช.ตำนานเพลง แสงเดือน ทุกเดือนจนกว่าจะบรรลุนิติภาวะ (20 ปีบริบูรณ์)
โดยให้บุตรมีอำนาจถอนเงินในบัญชีเพียงผู้เดียว หลังจากตกลงกันเรียบร้อยศาลมีคำสั่งให้ไปเปิดบัญชี ผมก็พร้อมที่จะเปิดและโอนฝากให้ลูกในวันนั้นเลย แต่ ผู้หญิงคนนั้นบอกว่ายังไม่พร้อม
และขอเลื่อนเป็นวันที่ 1 ก.พ. นี้ แล้วเขาก็โพสต์ว่าผมไม่ยอมจ่าย ให้คนมาด่าผมแบบที่ทุกคนเห็น เขาทำแบบนี้จนเคยชิน และสุดท้ายนี้เมื่อทุกอย่างมันจบแล้ว
#กราบหละครับขอให้ผู้หญิงคนนั้นอดีตแม่ของลูกผมเลิกยุ่งกับชีวิตผมเลิกพูดถึงผมต่างคนต่างอยู่ เรื่องลูกผมเลี้ยงและดูแลได้ตลอดชีวิต หยุดพูดถึง หยุดสร้างกระแส ต่างคนต่างใช้ชีวิตทำมาหากินด้วยตัวเองอย่างสุจริตชนเถอะครับ ถือว่าผมขอร้อง”
แต่เรื่องราวไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะหลังจากที่ครูไพบูลย์โพสต์ชี้แจงความจริงจากฝั่งของตัวเองได้ไม่นาน เอ๋ มิรา ก็ออกมาโพสต์เรื่องราวอีกด้านหนึ่งจากฝ่ายของตนบ้าง โดยทางเอ๋บอกว่าได้โทรศัพท์ไปสอบถามครูท่านนั้นแล้วว่าได้รับเงินที่ครูไพบูลย์ฝากไว้ให้ลูกหรือไม่
ส่วนคำตอบคือลูกไม่เคยได้รับเงินจากครูไพบูลย์แล้ว อีกทั้งเงินดังกล่าวไม่ใช้เงินที่ฝากให้ลูก แต่เป็นเงินที่มีการหยิบยืมกันไว้แล้วคืนกันไม่หมด อีกทั้งยังมีประเด็นที่ครูไพบูลย์ยื่นฟ้องศาลอีกรอบเพื่อไม่ให้ตนเองต้องมาจ่ายค่าเลี้ยงดูบุตรด้วย ความว่า
“ทำไมถึงกล้าพูดว่าฝากเงินกับครูที่โรงเรียนให้ลูกเดือนละ 5 พัน -1 หมื่น ฉันโทรไปถามครูคนนั่นตั้งแต่เมื่อวานที่คุณบอกในศาลแล้ว เพราะลูกไม่เคยบอกว่าได้เงินจากคุณ ฉันไม่เคยรับรู้
ได้ความว่า คุณไม่ได้ฝากให้ลูกแต่เป็นเงินที่ยืมกันแล้วคืนกันไม่หมด เลยทยอยให้ลูกเอาไปซื้อขนม คุณไม่เคยฝากให้ลูกสักเดือน ถ้าไม่รู้จริงฉันจะไม่พูด เรื่องค่าดูแลบุตร ถ้าศาลไม่บังคับคุณคงไม่มีจิตสำนึกสินะ
ผ่านมา 8-9 เดือนยังไม่จ่ายสักบาท ฉันไม่เคยเรียกร้องเงินจากคุณ แต่คุณเองที่ไม่ยอมจบ ทั้งที่ฉันก็เลี้ยงลูกของฉันได้ คุณยื่นฟ้องใหม่ เพราะอยากให้ศาลตัดสินให้คุณไม่ต้องจ่าย คิดได้เนอะ!
#สุดท้ายนี้ไม่ต้องมาให้ลูกเห็นหน้าแล้วนะ ส่วนเงินฝากของลูก ก็ฝากให้มันครบ 9 เดือน จะได้ไม่ต้องมีปัญหาไปเจอกันอีก เงินฝากฉันกดมาซื้อของให้ลูกไม่ได้ แต่ฉันเชื่อว่า 20 ปีต่อจากนี้ ฉันจะเลี้ยงลูกของฉันได้ หากฉันไม่ตายก่อน แต่คุณอย่าพึ่งตายนะ อยู่ใช้กรรมไปนานๆก่อน”
นอกจากนี้ เอ๋ยังได้คอมเมนต์ใต้โพสต์เพิ่มเติมด้วยว่า ครูคนที่อดีตสามีฝากเงินไว้ ไม่ใช่ครูในโรงเรียนของน้องสายแนนด้วยซ้ำ “แล้วครูที่เขาบอกว่าฝากเงินให้ลูก ก็ไม่ได้อยู่ รร เดียวกันกับลูกด้วยนะ เอ๋โทรถามครูประจำชั้นสายแนน ท่านบอกไม่เคยมาฝาก เอ๋เลยขอเบอร์ครูอีกคน ถึงรับรู้ความจริง เอ๋ไม่เคยเล่าเรื่องไม่ดีของเขาให้ลูกฟัง จนกระทั่งเมื่อวานที่คุณบอกไม่เอาลูก ต่อหน้าลูกเอง คำพูดของคุณมันทำร้ายจิตใจลูกมากสักวันคุณจะไม่เหลือใคร เพราะคุณทำตัวคุณเอง”
เรียกได้ว่าเป็นการแลกกันแบบหมัดต่อหมัดจริง ๆ สำหรับอดีตสามีภรรยาคู่นี้ ก็คงต้องติดตามกันต่อไปว่าทางฝ่ายครูไพบูลย์จะออกมาแก้เกมเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร เพราะอย่างไรเสียก็ยังมีความจริงที่ว่าครูไพบูลย์ยื่นฟ้องใหม่ขออำนาจปกครองบุตร ซึ่งในส่วนนี้จะทำให้ครูไพบูลย์ไม่ต้องส่งเสียเงินเลี้ยงดูบุตรเดือนละ 10,000 บาท ทำให้ความเห็นของชาวเน็ตเอนเอียงเข้าทางฝ่ายเอ๋มากกว่า
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง