ร้านแจงแล้ว ปมลูกค้าหนุ่มโวย พนักงานให้โต๊ะอื่นถ่ายรูปอาหาร ก่อนนำมาเสิร์ฟ
ลูกค้าหนุ่มเล่าประสบการณ์ ร้านอาหารญี่ปุ่น ยกอาหารของตนให้โต๊ะอื่นถ่ายรูป หมูทอดเย็นชืด แถมไม่มีเครื่องเคียง ร้านออกมาขอโทษ แจงเปิดใหม่ ประสบการณ์น้อย ต้องการโปรโมตร้าน
จากกระแสวิพากษ์วิจารณ์บนโลกออนไลน์ หลังจาก ผู้ใช้งานเฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้เล่าประสบการณ์รับประทานอาหารที่ร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง แต่พนักงานกลับนำอาหารของตนเองและลูกค้าอีกท่านหนึ่ง ยกไปให้ลูกค้าโต๊ะอื่น ๆ ถ่ายรูป จนหมูทอดเย็นชืด โดยไม่ถามความเห็นของลูกค้าเจ้าของออเดอร์นั้นแต่อย่างใด
เจ้าของโพสต์ระบุว่า “ขอบ่นอีกรอบ รอบนี้เป็นเวอร์ชัน Public ได้ วันที่ 6 พ.ย. เวลา 19.00 ได้เข้าไปใช้บริการที่ร้านอาหารญี่ปุ่น สั่ง Mega Katsu Don มา 1 ที่ ใช้เวลาในการรออาหารค่อนข้างนาน แต่เนื่องจากหมูขนาด 300 กรัม จึงต้องใช้เวลาทอดนานอันนี้เข้าใจได้
ครัวของทางร้านเป็นครัวเปิด พนักงานครัวทำอะไรเราเห็นหมด ทางพนักงานได้มีการนำหมูทอดของเรา และลูกค้าอีกท่านที่สั่งเมนูเดียวกันใส่ถาดไม้ไปให้ทุกโต๊ะที่สั่งเมนูเดียวกันนี้ เวียนถ่ายรูปก่อน แล้วจึงค่อยนำมาจัดจานเสิร์ฟ
ตามหลักสุขอนามัยแล้ว ทางร้านไม่ควรนำอาหารของเรายกไปให้ใครถ่ายรูป แต่ผมเห็นลูกค้าอีกโต๊ะถ่ายรูปแบบรวดเร็ว คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาเลยรับอาหารไว้แล้วค่อยคอมเพลนทีหลัง (ส่วนตัวผมได้ปฏิเสธการถ่ายรูปหมูทอดในถาดที่มีทั้งของผมและของลูกค้าอีกโต๊ะ) พอถ่ายรูปกันเสร็จก็ใช้เวลาอีกประมาณนึงกว่าจะยกมาเสิร์ฟ นานพอจนหมูทอดเย็นชืด
พอทานเสร็จผมได้เริ่มคอมเพลนกับพนักงานคนไทยตัวสูงใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว อย่างแรกคือ คอนเพลนเรื่องหมูเย็น พนง บอกว่า หมูชิ้นใหญ่ใช้เวลาทอดนาน ผมตอบกลับไปว่า หมูเย็นไม่ใช่เพราะทอดนาน แต่เย็นเพราะมั่วแต่ยกไปโต๊ะอื่นถ่ายรูป แล้วก็ไม่ควรเอาอาหารของเราไปให้คนอื่นถ่ายรูป
อย่างที่สอง ร้านเสิร์ฟหมูชิ้นหนา กินยังไงมันก็เลี่ยน ไม่มีพริกโรยข้าว ผักดอง หรือซอสตั้งไว้บนโต๊ะหน่อยหรอ พนง บอก คนญี่ปุ่นเค้ากินกันแบบนี้ (นี่เค้ากำลังเถียงกับคนที่ไปญี่ปุ่นเกิน 10 รอบ และเคยกิน Narikura, Tonta, Manger ทุกร้านที่ว่ามามีพริกโรยข้าว ผักดอง ซุป ซอส ให้หมด)
พอตอบแบบนี้คือเลิกคุย เช็คบิล ใช้เวลาสักพักนึงเหมือนเค้าไปคุยกันข้างใน พนง คนนั้นจึงออกมาขอโทษ และบอกว่าคราวหน้าจะปรับปรุง (จริง ๆ ควรพูดแบบนี้แต่แรก) แล้วก็จ่ายบิลในราคาเต็ม
โพสต์นี้คือออกมาเล่าให้ฟังในฐานะผู้บริโภคว่าเจออะไรมา ไม่ได้ต้องการจะขอรับการชดใช้ใด ๆ เนื่องจากคงไม่ไปเหยียบอีกแล้ว สำหรับผู้ประกอบการ ความผิดพลาดทางเทคนิคย่อมเกิดขึ้นได้ ลูกค้าพร้อมทำความเข้าใจและให้อภัยกับความผิดพลาดนั้นได้
แต่ความผิดพลาดเรื่อง crisis management เป็นเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้ และส่งผลต่อความรู้สึกของผู้บริโภคเป็นอย่างมาก ยิ่งเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นด้วยควรทำความเข้าใจเรื่อง Omotenachi ให้มาก ๆ
ปล. รูปแรกคือรูปอาหารของทางร้าน แป้งร่อยออกมาจากเนื้อหมู รูปที่สองคือแคปมาจาก reels ร้านหมูทอดในโตเกียว จำชื่อร้านไม่ได้ แป้งเคลือบชิ้นหมูแบบสวยงาม มีพริกป่น โชวยุ วางไว้บนโต๊ะพร้อม”
หลังจากโพสต์ถูกเผยแพร่ ชาวเน็ตต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่มองว่าร้านอาหารญี่ปุ่นทำไม่ถูกต้อง หากตนเองเป็นลูกค้าจะไม่รับประทานอาหารจานนั้นโดยเด็ดขาด เพราะอาจปนเปื้อนน้ำลายหรือสิ่งสกปรกได้
ต่อเพจเฟซบุ๊กของร้านชื่อ FUKUYA_Donki ได้เข้ามาคอมเมนต์ชี้แจง กล่าวขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ระบุว่า “ทางร้านขออภัยในความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ด้วยครับ ทางร้านจะนำความผิดพลาดครั้งนี้เป็นบทเรียน และนำไปปรับปรุงเพื่อให้ลูกค้าทุกท่านได้รับบริการที่ดียิ่งขึ้นต่อไปครับ”
หลังจากร้านมาชี้แจง ชาวเน็ตได้เข้ามาสอบถามว่า เหตุใดทางร้านจึงต้องยกอาหารของลูกค้าไปให้ลูกค้าท่านอื่นถ่ายภาพ ซึ่งทางร้านออกมาให้เหตุผลเพิ่มเติมว่า
“ขออนุญาตตอบข้อสงสัยนะครับ ทางร้านเป็นร้านเปิดใหม่จึงอยากให้ลูกค้าใช้การถ่ายรูปเพื่อเป็นการโปรโมทร้านไปในตัวครับ วันเกิดเหตุมีออเดอร์เหมือนกันเข้ามาพร้อมกัน 2 ที่ ทางร้านจึงเริ่มทำพร้อมกัน และเนื่องจากเป็นร้านเปิดใหม่พนักงานจึงอาจจะยังมีประสบการณ์ไม่เพียงพอ ทำให้อาจจะรู้เท่าไม่ถึงการนำหมูที่ทอดเสร็จแล้ว 2 ชิ้นในถาดเดียวกันนำไปให้ลูกค้าทั้ง 2 โต๊ะดูครับ ขออภัยในความผิดพลาดด้วยครับ”
ร้านตอบนี้ชาวเน็ตถึงกับงงไปตาม ๆ กัน เพราะเรื่องสุขอนามัยเป็นสิ่งสำคัญในการทำธุรกิจร้านอาหาร อีกทั้งชาวเน็ตบางส่วนมองว่า หากทางร้านต้องการโปรโมต ควรจ้างอินฟลูเอนเซอร์หรือบุคคลที่มีชื่อเสียงมาทำการตลาด ไม่ใช่ยกอาหารของลูกค้าไปหมุนเวียนถ่ายรูป หากเป็นร้านอาหารในต่างประเทศ อาจถูกสั่งปิดกิจการได้