รวบ ‘อาฟู่’ ล่ามจีน บอสใหญ่แก๊งคอลกัมพูชา เผยจิตวิทยาหลอกเหยื่อ
ตำรวจรวบตัว อาฟู่ ล่ามจีน บอสใหญ่แก๊งคอลกัมพูชา ตุ๋นลงทุนเทรดทำประชาชนเสียหาย 16 ล้าน เผยจิตวิทยาหลอกเหยื่อจนหลงกล
จากการสืบสวนขยายผลของเจ้าหน้าที่ ได้ข้อมูลว่า นายสุรชัย หรืออาฟู่ (สงวนนามสกุล) ล่ามภาษาไทย-จีน เป็นคนสนิทของบอสใหญ่ชาวจีน และเป็นตัวการสำคัญในขบวนการนี้ ซึ่งทำหน้าที่แปลเทคนิคขั้นตอนการเรียนรู้ การพูดจูงใจ สร้างแรงบันดาลใจ จากบอสใหญ่ ในการนำมาใช้หลอกลวงเหยื่อคนไทย โดยสอนให้แก่พนักงานลูกจ้างที่ทำหน้าที่ แก๊งคอลเซนเตอร์ แถว 1 แถว 2 และ แถว 3 อย่างเป็นระบบ ไม่ต่างจากบริษัททั่วๆไป สร้างมูลค่าความเสียหายกว่า 16 ล้านบาท โดยเจ้าหน้าที่สืบสวนติดตามมากว่า 1 ปีอย่างต่อเนื่อง
นาย สุรชัย หรือ อาฟู่ (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ 395/2565 ลง 13 ส.ค.65 โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น , ร่วมกันเป็นอั้งยี่ , ร่วมกันเป็นซ่องโจร , ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และร่วมกันฟอกเงินฯ” เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัว ได้ที่บริเวณ หน้าหอพักคนงาน บริเวณ ต.บางพระ อ.ศรีราชา จว.ชลบุรี
จากการสอบถามนายสุรชัยฯ ให้การภาคเสธว่า ประมาณปี 64 นายสุรชัยฯ พร้อมกับนายสุรจิต (น้องชาย) ได้สมัครงานผ่านเฟสบุ๊ค เพื่อไปเป็นล่ามแปลภาษา จีน-ไทย ที่สีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา โดยจะได้ค่าตอบแทนประมาณ 30,000 – 40,000 บาท เมื่อตนกับนายสุรจิตฯ เดินทางไปถึงกัมพูชาปรากฏว่า ตนเองถูกพาไปทำงานที่ “เกาะกง” แทน โดยทำหน้าที่เป็นล่ามแปลภาษาจีนจากหัวหน้าชาวจีน ซึ่งไม่ทราบชื่อจริง แต่พนักงานที่นั้นจะเรียกกันว่า “หยู่เกอ” โดยตนจะทำหน้าที่ล่ามแปล คำพูดของนายหยู่เกอเป็นภาษาไทยให้กับพนักงานที่ทำงานที่นั่น โดยทราบว่า ที่คนไทยไปทำงานนั้น เป็นงานในลักษณะคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงให้ลงทุนซื้อขายเงินสกุลดิจิทัล คริปโตเคอเรนซี่ ซึ่งนาย “หยู่เกอ” เป็นคนสร้างแอปพลิเคชั่นปลอมนี้ขึ้น หลังจากตนทำงานได้ 6 เดือน ตนได้หลบหนีกลับประเทศไทย และได้สร้างครอบครัว เปิดกิจการร้านเหล้า ณ ภูมิลำเนาของตน ใน ต.เทอดไทย อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย และต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนและทราบว่า นายสุรชัยฯ มาทำธุระ ในพื้นที่ อ.ศรีราชา จว.ชลบุรี จึงได้เข้าทำการควบคุมตัวและจับกุมนายสุรชัยฯ ส่งนำพนักงานสอบสวน สภ.ประตูน้ำจุฬาฯ จว.ปทุมธานี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
แผนประทุษกรรมของแก๊งสแกมเมอร์กลุ่มนี้ จะเริ่มเปิดปฏิบัติการโดยจะใช้โปรแกรมสร้างแฟลตฟอร์มปลอมที่ชื่อว่า “surlars-pro .com” และ “biteeb .com” เพื่อหลอกให้ลงทุนซื้อขายเหรียญคริปโตฯ จากนั้น นาย “หยู่เกอ” บอสใหญ่ชาวจีน จะให้นายสุรชัยฯ ผู้ถูกจับ และนายสุรจิตฯ ทำหน้าที่ล่ามในการแปล ถอดคำพูดและวิธีการสอนให้พนักงานที่มาทำงาน ในการสร้างโปรไฟล์ หนุ่มหล่อ สาวสวย หน้าตาดี ทางแอปพลิเคชั่น ผ่านทางกูเกิ้ลหรือโปรแกรมมาริโอ้ที่สร้างไว้โดยเฉพาะ เช่นสร้าง twitter จำนวน 10-40 บัญชี และ Instragram จำนวน 1 บัญชี และ facebook จำนวน 1 บัญชี
โดยเฉพาะการสมัครแอปพลิเคชั่นทวิตเตอร์ (twitter) จะมีระบบโปรแกรมมาริโอ้ที่สร้างไว้สุ่มเข้ามาพูดคุยและทักทายทำความรู้จัก ตีสนิทติดตามเหยื่อก่อน เมื่อเหยื่อรับเป็นเพื่อนและติดตามคนร้ายกลับมา จะมีข้อความที่ตั้งไว้ตอบกลับอัตโนมัติในลักษณะคำทักทายเป็นประจำทุกวันอย่างต่อเนื่อง จนเหยื่อเริ่มพูดคุย มีการสนทนาโต้ตอบ กลุ่มมิจฉาชีพจะเริ่มใช้จิตวิทยาและประสบการณ์ที่ได้รับการถ่ายทอดจาก บอสใหญ่ ในการสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล อาทิ ชื่อ อายุ งาน ประเทศ เบอร์โทร วอทแอพ (WhatsApp) หากเหยื่อรายใดเริ่มมีความคุ้นเคย จะถามถึงสภาพคล่องทางการเงิน รายรับ-รายจ่ายของเหยื่อ จนกลุ่มแก๊งสแกมเมอร์กลุ่มนี้ สามารถวิเคราะห์และประเมินได้ว่า เหยื่อมีรายได้และมีความสามารถในการลงทุน คนร้ายจะชักชวนเหยื่อร่วมลงทุน โดยให้เหยื่อดาวน์โหลดแพลตฟอร์มเทรดคริปโตเคอเรนซี่ พร้อมทั้งสอนวิธีการซื้อขายเงินสกุลดิจิทัลคริปโตเป็น USDT, LTC, GLOE, BTC, ETH, WPE แนะนำเชิญชวนให้ลงทุนโอนเงินดอลลาร์ และคนร้ายจะแสดงให้เห็นว่าลงทุนแล้วได้กำไรและถอนเงินได้จริง เปลี่ยนให้เป็นเงิน USDT
พอเหยื่อลงทุนแล้ว ก็จะให้โอนเงิน USDT เข้าไปใน แพลตฟอร์ม ชื่อว่า “surlars-pro .com” และ “biteeb .com” ที่สร้างขึ้นปลอม เพื่อเป็นการเลี้ยงเหยื่อ ให้ลงทุนเพิ่ม นาย “หยู่เกอ” จะทำการหลอกลวงโดยสร้างกราฟปลอมแสดงกราฟขาขึ้น ให้เหยื่อดูเพื่อแสดงยอดเงินกำไรโชว์ให้เหยื่อ เพื่อให้เหยื่อลงทุนเพิ่ม หากเหยื่อจะถอนเงินที่ได้จากผลกำไร ทางแก๊งมิจฉาชีพนี้ จะมีการเรียกเก็บเงินเพิ่มเติมเพื่อจ่ายเป็นค่าภาษี หากไม่ชำระภายในกำหนด ก็ไม่สามารถจะถอนเงินดังกล่าวได้ จึงเป็นการหลอกผู้เสียหายซ้ำไปซ้ำมา จนเกิดความเสียหายเป็นจำนวนมาก