สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา ทางด้าน “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” ได้เดินทางมาที่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ซึ่งมีเหล่าผู้สนับสนุนเดินทางมารอพบลุงตู่เพื่อให้กำลังใจกันหลายคน โดยหนึ่งในนั้นได้แก่นักแสดงคนดังอย่าง “เปิ้ล จารุณี สุขสวัสดิ์”
ทั้งนี้ เปิ้ล จารุณี ก็ได้ให้สมัภาษณ์กับสื่อมวลชนประกาศจุดยืนชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องการเมืองไว้ว่า “รู้จักสมาชิกรวมไทยสร้างชาติหลายคน และมีความคิดเหมือนกันในการรักเคารพ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และดีใจที่มีโอกาสได้พบกับพลเอกประยุทธ์ โดยนำเมลอนมามอบให้เพื่อเป็นกำลังใจ ที่ผ่านมาแม้ไม่เคยแสดงจุดยืนทางการเมือง แต่จุดยืนของตัวเองคือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และไม่ต้องการเห็นชาติสูญสิ้นสลาย”
หลังจากที่ เปิ้ล จารุณี ออกมาแสดงจุดยืนทางการเมืองดังกล่าวแล้วนั้น เหล่าคนที่เห็นต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์กันมากมาย โดยบุคคลบางกลุ่มก็ถึงขั้นใช้คำพูดหยาบคายรุนแรงในการเรียกแทนชื่อของ เปิ้ล จารุณี งานนี้ทำเอาอดีตนักข่าวดัง “ต๊ะ นารากร ติยายน” ทนไม่ไหวต้องออกโรงปกป้อง โดยโพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กรณรงค์ให้ชาวเน็ตวิพากษ์วิจารณ์กันโดยไม่ต้องบูลลี่อายุ ความว่า
“โพสนี้พลีชีพ ขอใช้สิทธิ์พลเมืองคนหนึ่ง คัดค้านการใช้คำว่า “แก่” ด่าทอ หรือเหยียดหยามกันผ่านทางสื่อโซเชียล
มีคำมากมายที่สะท้อนความรู้สึกต่อต้าน หรือไม่เห็นด้วย แต่ไม่ควรใช้คำว่า “อีแก่”
อย่างเช่นในเหตุการณ์ที่คุณจารุณีออกมาแสดงความเห็นของเธอเมื่อวานนี้ เป็นการสะท้อนความคิด และความเชื่อตามข้อมูลที่เธอได้รับรู้มา ไม่เกี่ยวกับว่าเธอ แก่ หรือ ไม่แก่
เข้าใจว่าคนรุ่นใหม่บางส่วนไม่เคยดูผลงานของคุณจารุณี ไม่เคยมีความทรงจำว่าครั้งหนึ่งเธอเคยสวย และครองตำแหน่งนางเอกอันดับหนึ่งอยู่นานหลายปี
ขอร้องเถอะ เลิกบุลลี่เรื่องอายุ และสังขารกันเสียที วันนี้พวกคุณยังหนุ่มยังสาว แต่สักวันพวกคุณก็ต้องแก่เหมือนกัน ไม่มีใครหลีกหนีความจริงเรื่องนี้ไปได้”
งานนี้เรียกว่าทำเอาชาวเน็ตหลายคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นในโพสต์กันมากมาย เช่น “เราก็ยอมรับว่าเราแก่นะ แต่เราไม่ได้แก่แบบคนนี้ เริ่มพูดจาเพ้อเจ้อ รักชาติก็รักกันทุกคนแระคะ แต่จะรักแบบไหนเป็นปัจเจก ของแต่ละคน อย่างอ้างว่าตัวเองรักชาติอยู่คนเดียว” , “เห็นต่าง เป็นเรื่องปกติ แต่ไม่ควรมีใครไปบูลลี่ใครทั้งนั้น” , “ขอบคุณนะครับ ที่ยังมี ทัศนคติ ที่ดีครับ การเห็นต่างมีได้ในสังคม ประชาธิปไตย แต่ต้องเคารพสิทธิ คนอื่นด้วยครับ แค่เค้าคิดไม่เหมือนเรา ก็ไปด่าไปบูลลี่เค้า แบบนี้ ไม่เรียก ประชาธิปไตย” เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ทัศนคติทางการเมืองเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่ก็สามารถวิพากษ์วิจารณ์กันได้บนพื้นฐานของเหตุและผล และไม่ควรนำอคติส่วนตัวมาเป็นแว่นขยายมองภาพคนคนหนึ่งที่เห็นต่างจากเราว่ามีปมด้อยเรื่องอายุ จึงมีความคิดที่ล้าหลัง เพราะนั่นถือเป็นการบูลลี่มากกว่า
