รู้จัก ‘มะม่วงน้ำปลาหวาน’ ของกินเล่นสไตล์ไทย ถูกใจทุกครัวเรือน
กระแส “มะม่วงน้ำปลาหวาน” ฟีเวอร์กลับมาอีกครั้ง หลังค่ำวันที่ 7 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา ศิลปินสาว “โรเซ่” จากวง BLACKPINK โพสต์สตอรี่ผ่านอินสตาแกรมว่าของโปรดในช่วงที่มาแสดงคอนเสิร์ตที่กรุงเทพฯ ก็คือมะม่วงน้ำปลาหวาน ทำเอาคนไทยหลายคนต้องออกตามหาน้ำปลาหวานมาจิ้มกินกับมะม่วงจนเป็นเทรนด์ไปตาม ๆ กัน
อย่างไรก็ดี เทรนด์ฮิตกินมะม่วงน้ำปลาหวานนั้นก็เคยเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้วในช่วงปี พ.ศ. 2563 ซึ่งเป็นช่วงที่ละครเรื่องบุพเพสันนิวาสกำลังออนแอร์ โดยฉากหนึ่งในละครนั้นแสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมการกินมะม่วงจิ้มกับน้ำปลาหวาน เป็นวัฒนธรรมการกินของคนไทยที่มักจะสรรหาเครื่องจิ้มมากินคู่กับผลไม้รสโดด ถือเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์เรื่องการกินของคนไทยเลยทีเดียว
แต่เดิมนั้นเครื่องจิ้มของคนไทยมีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเมนูอาหารของชนชั้นสูง หรือชาวรั้วชาววังเท่านั้น เนื่องจากไม่ต้องทำงานหนักเหมือนบ่าวไพร่ จึงมีเวลาคิดค้นสูตรอาหารไว้กินกับผลไม้ท้องถิ่น กระทั่งสูตรเครื่องจิ้มถูกเผยแพร่มายังชนชั้นกลาง และชนชั้นล่าง ซึ่งก็มีการดัดแปลงวัตถุดิบให้เข้ากับฐานะของแต่ละชนชั้นเรื่อยมา
ประวัติศาสตร์ ‘น้ำปลาหวาน’ เครื่องจิ้มคู่เรือนคนไทย
สำหรับที่มาของเมนูมะม่วงน้ำปลาหวานนั้น นักประวัติศาสตร์ได้สันนิษฐานไว้ว่าน่าจะเกิดขึ้นในช่วงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 โดยอาจมีชื่อเรียกก่อนหน้านี้ว่า น้ำปลามะม่วง หรือ มะม่วงทรงเครื่อง โดยแต่เดิมแล้วคนไทยนิยมกินผลไม้รสเปรี้ยว เนื่องจากผลไม้รสหวานที่มาจากเมืองนอกมีราคาแพง ดังนั้นจึงทำให้เกิดการคิดค้นเครื่องจิ้มที่จะมาช่วยทำให้การกินผลไม้รสเปรี้ยวนั้นอร่อยขึ้น
ทั้งนี้คำว่าน้ำปลาหวานนั้นถือกำเกิดมาจาก 2 คำ คือ “น้ำปลา” และ “หวาน” ซึ่งเมื่อนำมารวมกันแล้วก็จะได้เครื่องจิ้มที่มีรสชาติเค็มและหวานในคราวเดียวกัน นอกจากนี้น้ำปลาหวานยังสามารถเป็นได้ทั้งเครื่องจิ้มอาหารคาวและผลไม้ ซึ่งจะต่างกันที่วัตถุดิบในการทำ น้ำปลาหวานที่เป็นอาหารคาวและคนไทยรู้จักกันดีคือเมนูสะเดาน้ำปลาหวาน เป็นการใช้เครื่องจิ้มมากลบรสขมของสะเดานั่นเอง
สูตรไม่ลับ วิธีทำมะม่วงน้ำปลาหวาน อร่อยแบบบ้าน ๆ
สำหรับวิธีทำมะม่วงน้ำปลาหวานของกินเล่นแบบไทย ๆ นั้นก็ไม่ยุ่งยากเกินความสามารถของทุกคนแน่นอน เพียงแค่เตรียมวัตถุดิบให้ครบดังต่อไปนี้
- มะม่วงดิบเปรี้ยว ๆ ตามชอบ
- น้ำปลา
- น้ำเปล่า
- น้ำตาลปี๊บ
- กะปิ
- กุ้งแห้ง
- กุ้งแห้งป่น
- หอมแดงซอย
- พริกจินดาซอย
- พริกแห้ง
หลังจากเตรียมวัตถุดิบเสร็จเรียบร้อยก็เริ่มต้นลงมือทำมะม่วงน้ำปลาหวานกันได้เลย
- ต้มน้ำปลาด้วยไฟแรง 5-10 วินาที
- ปิดไฟแก๊ส ใส่น้ำตาล น้ำเปล่า กะปิ
- เปิดไฟอ่อนเครี่ยวให้ส่วนผสมละลายและน้ำเริ่มใส
- ใส่พริกแห้ง กุ้งแห้งป่น หอมแดงซอย พริกจินดาซอย
- ปิดไฟและยกเตาลง ตั้งไว้ให้น้ำปลาหวานหายร้อน
- เมื่อน้ำปลาหวานหายร้อนก็สามารถเสิร์ฟพร้อมมะม่วงดิบเปรี้ยว ๆ ได้เลย
แม้น้ำปลาหวานจะนิยมกินคู่กับมะม่วงเปรี้ยว แต่ก็สามารถนำไปสร้างสรรค์เป็นเมนูของหวานทานเล่นอื่น ๆ ได้อีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสละทรงเครื่อง กระท้อนทรงเครื่อง หรือจะผลไม้รสเปรี้ยวอื่น ๆ ตามชอบก็ย่อมได้
ทั้งนี้ส่วนประหลักของน้ำปลาหวานคือน้ำปลาและน้ำตาล หากบรโภคในปริมาณมากก็อาจเสี่ยงต่อโรคภัยไข้เจ็บได้ ดังนั้นบริโภคแต่น้อยและออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่แข็งแรงกันด้วยนะคะ.