Vernon Sanders หัวหน้าฝ่ายโทรทัศน์ของ Amazon เปิดเผยรายละเอียดใหม่เกี่ยวกับ ‘Gen V’ ซีรีส์ภาคแยกจาก ‘The Boys’ จะเต็มไปด้วยเลือด ไม่แพ้ภาคต้นฉบับ
ในช่วงเวลาระหว่างซีซันของซีรีส์ยอดฮิต จาก Eric Kripke เรื่อง The Boys ซีซั่น 4 เราคงเป้าหมายไว้ที่ภาคแยกล่าสุดอย่างเรื่อง Gen V ซึ่งจะพาผู้ชมไปดูด้านใหม่ ๆ ที่ยังไม่เคยเห็นของการสร้างสรรค์ที่บ้าบิ่นของ Vought International
เมื่อเร็ว ๆ นี้ Steve Weintraub จาก Collider ได้พูดคุยกับ Vernon Sanders หัวหน้าฝ่ายโทรทัศน์ของ Amazon เกี่ยวกับรายการ Prime Video รวมถึงความสำเร็จที่น่าประทับใจของ The Lord of the Rings: The Rings of Power ตั้งแต่ตัวอย่างใหญ่ของ CCXP เปิดเผย
สงสัยว่า Gen V เทียบชั้นกับ The Boys ก่อนหน้าที่อื้อฉาวได้อย่างไร Sanders ได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่าซีรีส์เรื่องนี้ ยังคงกลิ่นอายคาวเลือดในแบบของ The Boys อยู่ครบอย่างแน่นอน แถมอาจจะเป็นภาคที่เลือดสาดที่สุดอีกต่างหาก
เนื้อเรื่องของ Gen V จะเราไปที่โรงเรียนยอดมนุษย์แห่งเดียวในอเมริกา Godolkin University พาแฟนๆ ไปไกลกว่าความหรูหราของ Vought Tower และ The Seven ไปยังสถานที่ที่เป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง
Godolkin University วิทยาลัยที่พัฒนา Compound V ใช้เวลาสี่ปีในการฝึกฝนและสร้างเสริมพลังของพวกเขาเพื่อโอกาสที่จะถูกเกณฑ์ไปยังหนึ่งในเมืองใหญ่ของสหรัฐฯ ที่ซึ่งพวกเขาจะต่อสู้กับอาชญากรรมและเก็บเกี่ยวเกียรติยศ เช่นเดียวกับ A-Train, The Deep, Queen Maeve และอีกมากมาย
ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่าซีรีส์จะคล้ายกับการแข่งขันตามหาฆาตกรที่แท้จริงเหมือน Hunger Games ในขณะที่ Kripke เปิดเผยในภายหลังว่า “เรากำลังพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อออกแบบจักรวาลที่มองเห็นประเด็นและเรื่องราวบางอย่างในซีซั่น 3 ส่งไปยังฤดูกาลแรก”
ไม่เพียงแต่นักแสดงรับเชิญของ The Boys เท่านั้นที่ ได้รับการยืนยันแล้ว ตอนนี้เราทราบแล้วว่าโครงเรื่องสำหรับภาคแยกจะส่งผลต่อซีซัน 4 เราคาดหวังได้ว่าจะได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพล็อตอิทธิพลของ The Boys ซีซัน 3 ใน Gen V
ความลึกลับที่เต็มไปด้วยเลือดที่เปิดเผย และจะต้องจับตาดูอีสเตอร์เอ้กที่กล่าวถึง และถ้าคุณสงสัยเกี่ยวกับโทนเสียงของ Gen V ก็อาจจะไม่เหมือนกับเนื้อเรื่องหลักที่สอดแทรกมุกแนวตลกขบขัน 100% Vernon Sanders ยังกล่าวอีกว่า
“ฉันตื่นเต้นมากที่ผู้คนจะได้ชมการแสดงนี้ ฉันคิดว่าสิ่งที่เราหวังไว้คือการแสดงที่ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นรายการของตัวเอง แต่ก็รู้สึกเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องจริงของจักรวาลที่ Eric [Kripke] และ Seth [Rogen] และ Evan [Goldberg] สร้างขึ้น และมันให้จริง ๆ”