พิษรักแรงหึงส่งท้ายปี เห็นภาพบาดตารัวสนั่นปั๊ม ดับสลด 2 ศพ อีกรายโคม่า

หนุ่มเจอภาพบาดตา สุดท้ายยิงสาวแฟนเก่า-หนุ่มคนใหม่โคม่า เหตุสลดก่อนข้ามปีที่บ่อทอง จ.ชลบุรี
วันที่ 31 ธันวาคม 2568 มีรายงานเหตุสลดเมื่อเวลา 01.30 น. สภ.บ่อทอง รับแจ้งเหตุผู้ถูกยิงภายในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี โดยหลังจนท.ไปถึงที่เกิดเหตุพบร่างผู้เสียชีวิต ทราบชื่อ นายเวกสรรค์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี
สภาพศพถูกอาวุธปืนยิงเข้าขมับขวา ข้างตัวพบอาวุธปืนขนาด 9 มม. ยี่ห้อซิกเทราเออร์ ตกอยู่ 1 กระบอก ปลอกกระสุนกระจายเกลื่อน จำนวน 14 ปลอก และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง
ภายในรถเก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า ทะเบียน ฉะเชิงเทรา บริเวณที่นั่งคนขับพบร่างผู้เสียชีวิตชื่อ น.ส.อมรรัตน์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี เสียชีวิตอยู่บนที่นั่งฝั่งคนขับ และยังพบผู้บาดเจ็บชื่อ นายนพดล (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี ถูกยิงเข้าที่ศีรษะและแขนซ้าย ลำตัวอยู่นอกรถเก๋ง ส่วนขายังผาดอยู่ในตัวรถเก๋ง เจ้าหน้าที่เร่งปฐมพยาบาลเบื้องต้น จากนั้นนำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลบ่อทอง ยังอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดเนื่องจากโคม่า
ด้าน นายสรวุฒิ (ขอสงวนนามสกุล) เพื่อนของผู้ตายที่เป็นฝ่ายชาย กล่าวว่า นายเวกสรรค์ที่เป็นคนก่อเหตุ นั่งรถมากับตนที่ปั๊มน้ำมัน โดยไม่รู้ว่าหลอกชวนตนมาซื้อของกินหรือเปล่า
ตนจอดรถยนต์อยู่ตรงหน้าห้องน้ำ จากนั้นนายเวกสรรค์เห็นรถของฝ่ายหญิงซึ่งเคยคบหากันจอดอยู่จึงรีบเดินเข้าไปหาที่รถ และได้เห็นอดีตคนรักเก่านั่งคุยอยู่กับฝ่ายชายคนใหม่ในรถจึงเกิดความหึงหวง ก่อนจะชักอาวุธปืนที่พกติดตัวมายิงใส่ทั้งคู่ !
จากนั้นผู้ก่อเหตุจึงใช้ปืนกระบอกเดียวกันยิงตัวเองเพื่อหนีความผิด
ด้านพี่สาวของผู้ก่อเหตุเล่าว่า ก่อนเกิดเหตุน้องชายนั่งเล่นอยู่ที่บ้าน คาดว่าได้ชวนนายสรวุฒิทำทีชวนมาหาซื้อของกิน แต่คงได้นัดพูดคุยเคลียร์ปัญหาเรื่องความรักกับแฟนเก่าภายใต้ปั๊มน้ำมัน แต่บังเอิญมาเจอแฟนหนุ่มคนใหม่นั่งกันมาอยู่ในรถ จึงอาจไม่ทนเห็นภาพบาดตาเพราะยังทำใจไม่ได้ จึงได้ใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิงทั้ง 2 คน และใช้ปืนกระบอกเดียวกันยิงตัวเองจนเป็นเหตุสลด.
ที่มา : ข่าวสด
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- สลดรับปีใหม่! ไรเดอร์ง้ออดีตแฟนสาวไม่สำเร็จ ชักปืนยิงดับหน้าหอพักย่านบางนา
- โพสต์สุดท้าย อดีตแฟนหนุ่ม ก่อนก่อเหตุยิงครูสาวดับ แม่เอะใจลางไม่ดี
- คลิปรวบ แม่บ้านเดทตอลงกลางโหนกระแส โวย กรรชัย หลอกให้มาโดนจับ
ติดตาม The Thaiger บน Google News:





