จ่อแจ้งข้อหาผู้บริหาร ‘ดิ ไอคอน กรุ๊ป’ ผู้เสียหายหลักร้อย ยอดพุ่ง 50 ล้าน
ดิ้นไม่หลุด ตำรวจจ่อแจ้งข้อกล่าวหา ผู้บริหาร ดิ ไอคอน กรุ๊ป ร้องปปง. อายัทบัญชีทรัพย์สิน ส่วนดารา-ผู้ร่วมเชิญชวน หากตรวจสอบพบมีความผิด ถูกแจ้งข้อหาด้วย
เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2567 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงความคืบหน้าคดี บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด (The iCon Group Co., Ltd.) โดยระบุว่า มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางแล้วเกือบ 130 ราย ความเสียหายรวมกว่า 50 ล้านบาท เบื้องต้นพบความเสียหายรายละ 200,000 – 500,000 บาท
ตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบพยานหลักฐาน เช่น เอกสารการติดต่อ การชักชวนลงทุน และตัวอย่างสินค้า รวมถึงตรวจสอบใบอนุญาตประกอบธุรกิจการประกอบกิจการ และลักษณะการอบรม รวบรวมไว้ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพราะธุรกิจขายตรงต้องมีการจดทะเบียนขออนุญาต รวมถึงต้องสอบถามตัวแทนขายว่าลักษณะการไปอบรม การนำทรัพย์สินไปใช้ในธุรกิจดังกล่าวมีลักษณะใดเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมายธุรกิจขายตรงหรือไม่
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ยอมรับว่าลักษณะธุรกิจขายตรงกับแชร์ลูกโซ่ มีเส้นบาง ๆ กั้นอยู่ คณะตำรวจรวบรวมข้อเท็จจริง สรุปวินิจฉัยอย่างรอบคอบ ซึ่งภายในวันนี้จะพยายามระบุข้อหาความผิดให้ได้ว่าผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องถูกกล่าวหาความผิดเรื่องใดบ้าง เบื้องต้นในขั้นตอนแรกจะมุ่งไปที่ผู้บริหารบริษัทว่ามีฐานความผิดประเภทใด รวมถึงผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด แม้จะอ้างว่าไม่ได้เป็นกรรมการหรือผู้บริหาร แต่หากพบพฤติการณ์ร่วมกระทำความผิดก็จะถูกดำเนินคดีด้วย
กระบวนการของตำรวจคือการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ถ้าพบว่ากระทำความผิดก็จะแจ้งข้อกล่าวหา ทั้งนี้ตราบใดที่เรื่องไปถึงศาลและยังไม่พิพากษาว่านั้นถือว่าบุคคลที่เกี่ยวข้องยังคงเป็นผู้บริสุทธิ์ ในขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่พยายามทำงานอย่างเต็มที่ เพราะมีประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ในส่วนของ ปปง. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ส่งหนังสือระบุถึงพฤติการณ์ผู้บริหารบริษัทกับคำให้การผู้เสียหาย ทางตำรวจมีหน้าที่สอบสวน แต่ตำรวจไม่มีอำนาจยึดทรัพย์ แต่ได้ทำหนังสือถึงสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อขอให้พิจารณายุติธุรกรรมทางการเงินของผู้บริหารบริษัท เนื่องจากเห็นว่าประชาชนกำลังเดือดร้อน และวันนี้จะมีการประชุมร่วมกับ ปปง. และ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เพื่อติดตามความคืบหน้า
ส่วนกรณีดาราที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ย้ำว่า ถ้าข้อเท็จจริงที่ได้พาดพิงถึงท่านใด จะเรียกสอบสวนทั้งหมด หากพบพฤติการณ์ร่วมกระทำความผิด แม้ไม่มีตำแหน่งในบริษัทก็จะถูกแจ้งข้อกล่าวหา และเตรียมมาตรการป้องกันการหลบหนีออกนอกประเทศไว้แล้ว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- จริงไหม ลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ต รอบใหม่ ผ่านธนาคารกรุงไทย ?
- ล็อคบัญชีกรุงไทย ง่าย ๆ ด้วยแอป Next ป้องกันมิจฉาชีพ
- ไทยพาณิชย์ แนะ 7 วิธีป้องกันมือถือ ไม่ให้โดนมิจฉาชีพหลอก