สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. เผย 4 เหตุผล ต้องจ่ายเงินดิจิทัลวอลเล็ตเป็นเงินสด หวั่นเงื่อนไขใช้จ่าย อาจทำเงินปลิวไปกับสายลมจากนโยบายที่ไม่รอบคอบ
ยังคงเป็นประเด็นโต้เถียงกันอยู่ใน ณ ขณะนี้ สำหรับเงื่อนไขการแจกเงินโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท สำหรับกลุ่มเปราะบาง รัฐบาลเคาะแล้วว่าจะทำการโอนเงินเต็มจำนวนเข้าสู่บัตรสวัสดิการแห่งรัฐภายใน ก.ย. 67 ส่วนประชาชนทั่วไปจะได้รับเงินผ่านแอปพลิเคชั่นทางรัฐฯ ส่งผลให้ผู้คนบางส่วนเรียกร้องให้แจกเป็นเงินสด เพื่อนำไปใช้จ่ายได้สะดวกและรวดเร็วกว่า
เมื่อวันที่ 4 กันนายน 2567 สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกกต. ด้านกิจการบริหารจัดการเลือกตั้ง เปิดเผย 4 เหตุผลที่ต้องแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตเป็นเงินสด ดังนี้
1. เงินงบประมาณในส่วนปีงบประมาณ 2567 ต้องรีบใช้ให้ภายในสิ้นปีงบประมาณ คือ เดือนกันยายน 2567 เมื่อระบบพัฒนาไม่ทัน จึงต้องรีบระบายเงินก้อนแรกประมาณ 160,000 ล้านบาท ให้แก่กลุ่มผู้เปราะบางจำนวน 16 ล้านคนเป็นอันดับแรก
2. งบส่วนที่เหลืออีก ประมาณ 290,000 ล้านบาท เป็นของงบฯ ปี 2568 ซึ่งสามารถจ่ายเป็นเงินดิจิทัลตามไทม์ไลน์เดิมได้ แต่คาดว่าจะแจกเป็นเงินสดหลังจากคัดแยกผู้ที่ได้รับเงินงวดแรกไปแล้ว ด้วยแรงกดดันของประชาชนที่คาดหวังว่า จะได้รับเงิน 10,000 บาท ในเงื่อนไขเดียวกับคนกลุ่มแรก และเกรงจะเกิดปัญหาทางกฎหมายหากจ่ายเป็นดิจิทัลวอลเล็ต
3. เงื่อนไขการใช้จ่ายเงินดิจิทัลวอลเล็ตอาจถูกยกเลิก เช่น ซื้อของได้เฉพาะบางรายการ, ต้องใช้จ่ายภายในอำเภอเท่านั้น, ไม่สามารถนำไปชำระหนี้ได้, ใช้ชำระค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าเชื้อเพลิงไม่ได้ เป็นต้น
4. หากเปลี่ยนจากแจกเงินดิจิทัลเป็นเงินสด จะไม่มีเงื่อนไขการใช้เงิน และการแบ่งแจกทีละก้อน เมื่อรัฐบาลคาดหวังว่าเงินก้อนนี้จะใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างสังคมเศรษฐกิจดิจิทัล และกระจายการใช้จ่ายในท้องถิ่นทั่วไป แท้จริงแล้วจะเกิดพายุหมุนเท่านั้น สรุปคือลมพัดแผ่วที่ละลายเงินตามนโยบายที่คิดไม่รอบคอบเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ณ ขณะนี้ยังไม่มีการประกาศความคืบหน้าของโครงการว่าจะไปในทิศทางใด ฉะนั้นยึดตามไทม์ไลน์เดิม คือ กลุ่มแรกที่ได้รับเงินคือ กลุ่มเปราะบาง ได้แก่ ผู้พิการ ผู้สูงอายุ และผู้มีรายได้น้อย ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัตรคนจน ภายในเดือน ก.ย. 67
สำหรับ กลุ่มผู้ใช้สมาร์ทโฟนต้องยืนยันตัวตน และลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ ภายในวันที่ 15 ก.ย. 67
ส่วนกลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟน จะเปิดการลงทะเบียนและยืนยันตัวตนผ่านช่องทางที่กำหนด ระหว่างวันที่ 16 ก.ย. – 15 ต.ค. 67 โดยมีการตรวจสอบคุณสมบัติ สถานะบุคคล และที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน เช่นเดียวกับกลุ่มผู้มีสมาร์ทโฟน โดยคาดว่าใช้สิทธิผ่านบัตรประจำตัวประชาชน แต่การใช้สิทธิชื้อสินค้าจากร้านค้า อาจทำได้น้อยกว่ากลุ่มที่มีสมาร์ทโฟน ดังนั้น การลงทะเบียนผ่านสมาร์ตโฟนจะสามารถใช้งานได้สะดวกกว่า จึงแนะนำให้ลงทะเบียนผ่านทางสมาร์ทโฟนก่อนเป็นอันดับแรก
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง