‘หยก’ วันนี้ไม่ปีนรั้ว ปีนหน้าต่างเข้าเรียน เตรียมคิดว่าทำอย่างไรต่อ (คลิป)
วันนี้ หยก ไม่ปีนรั้วโรงเรียน ปีนหน้าต่าง บุ้ง เผยที่อยากเข้าเรียนจึงทำแบบนี้ เตรียมคิดว่าทำอย่างไรต่อ เชื่อมีโรงเรียนพร้อมรับ
ยังเป็นประเด็นกันต่อเนื่องสำหรับ หยก ธนลภย์ เยาวชน 15 ผู้ต้องหาคดี ม.112 ที่อายุน้อยที่สุด ที่ก่อนหน้านี้ปีนรั้วโรงเรียนมา 2 วัน โดยทางโรงเรียนไม่ยอมให้เข้า เนื่องจากไม่ถูกรองรับสถานภาพเป็นนักเรียน เพราะไม่ได้มามอบตัวที่โรงเรียนพร้อมผู้ปกครอง ตามที่รายงานไปก่อนหน้านี้นั้น
ในวันนี้ พนักงานรักษาความปลอดภัยและคุณครูเวร ได้ปิดประตูรั้วด้านหน้าโรงเรียนทั้ง 2 จุด คือ ประตูใหญ่และประตูสแกนบัตรเข้าเรียน ในเวลา 07.36 น. ก่อนที่ หยก และ น.ส.เนติพร หรือ บุ้ง อายุ 27 ปี ผู้ปกครองในปัจจุบัน รวมถึงรุ่นพี่กลุ่มทะลุวังจะนั่งแท็กซี่เดินทางมาถึงโรงเรียน ราว 5 นาทีให้หลัง
ทางโรงเรียนไม่ยอมเปิดรั้วให้ และคุณครูมาชี้แจง ว่า โรงเรียนได้ออกประกาศไปแล้ว อยากให้บุ้งในฐานะผู้ปกครองปัจจุบันทำความเข้าใจกับเด็ก ว่าต้องให้ผู้ปกครองที่ถูกต้องตามกฎหมายพามามอบตัวที่โรงเรียนตามระเบียบ เพราะคุณครูมีหน้าที่ต้องดูแลความปลอดภัยเด็กในโรงเรียนกว่า 4,000 คน ไม่สามารถให้บุคคลภายนอก อย่างกลุ่มทะลุวังเข้าไปในโรงเรียนได้ จนเกิดเป็นปากเสียงกันระหว่าทั้งสองฝ่าย
ในระหว่างนั้นได้มีเด็กนักเรียนรายอื่นที่มาโรงเรียนสาย เดินเข้าไปในโรงเรียนผ่านประตูห้องรับรองที่อยู่ติดกับประตูรั้วโรงเรียน รุ่นพี่กลุ่มทะลุวังจึงกั้นประตูนั้นไว้ ก่อนจะบอกให้ หยก วิ่งเข้าไปในโรงเรียนผ่านประตูดังกล่าว แต่ก็ถูกคุณครูและ รปภ.สกัดเอาไว้ได้ ก่อนจะมีปากเสียงกับกลุ่มทะลุวังอีกครั้ง พร้อมขู่จะแจ้งความดำเนินคดีข้อหาบุกรุกพื้นที่ราชการ ในจังหวะนั้น หยก ฉวยโอกาสใช้มือเปิดหน้าต่างห้องรับรอง ก่อนจะปีนหน้าต่างข้ามเข้าไปในโรงเรียนได้สำเร็จ
บุ้งได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวในพื้นที่ว่าว่า วันนี้เป็นวันที่ 3 แล้ว ที่ หยก ต้องปีนรั้ว ปีนหน้าต่าง พยายามเข้าไปในโรงเรียน เพราะอยากจะเรียนหนังสือ แต่ก็ถูกคุณครูสกัดเอาไว้ ส่วนตัวยังคงยืนยัน อยากให้ผู้อำนวยการโรงเรียน ออกมาชี้แจงรายละเอียดกันแบบเห็นหน้าเห็นตา ว่า ทำไมก่อนหน้านี้ได้ยอมรับการมอบตัวเข้าเรียน ไปแล้วกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.) แต่มากลับคำพูด
บุ้ง ยังบอกอีกว่า หลังหยกเข้าห้องเรียนไปแล้ว ยังมีกลุ่มสมาคมผู้ปกครอง มาตามดึงตัวออกจากห้องเรียนด้วย แต่ยังสามารถเรียนได้ตามปกติ และเพื่อนๆ ในห้องก็ให้กำลังใจ มีบางส่วนที่อาจเป็นห่วงอยากให้หยุดความเคลื่อนไหว เนื่องจากกังวลว่า อาจจะไม่ได้กลับมาเรียนกับเพื่อนๆ อีก ซึ่งส่วนตัวก็ยอมรับว่า เป็นห่วง หยก กลัวว่าจะถูกคุกคาม
หลังจากนี้ หากโรงเรียนยังยืนยันว่า หยก พ้นสภาพการเป็นนักเรียนของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการแล้ว ส่วนตัวจะให้สิทธิในการตัดสินใจกับ หยก ว่าจะทำอย่างไรต่อไป เชื่อยังมีโรงเรียนอื่นที่พร้อมต้อนรับให้หยกเข้าเรียนได้