อึ้ง! สาวพบ ฟันช้างโบราณ มาสโตดอน สัตว์โบราณที่สูญพันธุ์ไปนานนับหมื่นปี พร้อมเล่าเหตุการณ์ตอนเจอครั้งแรก ด้านผู้เชี่ยวชาญชี้ นี่คือการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ ก่อนเศร้าที่มันหายไปแบบไร้ร่องรอย
นับเป็นข่าวดีในแวดวงของผู้ที่ศึกษาซากดึกดำบรรพ์ เมื่อหญิงสาวรายหนึ่งในแคลิฟอร์เนีย ได้พบเข้ากับ ฟันของมาสโตดอน (Mastodon) สัตว์โบราณตระกูลเดียวกันกับช้างบนชายหาด ร้อนให้ผู้เชี่ยวชาญระดับโลก ต้องพากันวิเคราะห์การพบเจอครั้งประวัติศาสตร์นี้ ด้านสาวที่เป็นคนเจอฟันมาสโตดอน สั่งของพิเศษมาเป็นที่ระลึกให้กับตัวเองแล้ว
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2023 เจนนิเฟอร์ (Jennifer Schuh) ได้ถ่ายภาพวัตถุประหลาดบนชายหาดแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา มาโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก ก่อนจะทราบในภายหลังว่ามันคือฟันของมาสโตดอน สัตว์โบราณในอดีต
เจนนิเฟอร์เล่าว่า เธอกำลังเดินเล่นในวัน Memorial Day บนชายหาดแคลิฟอร์เนีย นอกอ่าว Monterey ก่อนจะพบสิ่งผิดปกติที่ยื่นออกมาจากทราย นั่นคือฟันของมาสโตดอนโบราณ ขนาดประมาณ 30 เซนติเมตร โดยเธอได้ถ่ายรูปมันเก็บไว้
“ฉันยืนอยู่ที่ฝั่งหนึ่งของลำธาร และผู้หญิงอีกคนกำลังคุยกับฉันจากอีกฝั่งหนึ่ง ก่อนที่เธอจะพูดว่า มีอะไรอยู่ใกล้เท้าของคุณน่ะ มันดูแปลก ๆ เหมือนรอยโดนไฟไหม้เลย”
เจนนิเฟอร์ที่ไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร ก็ได้โพสต์ภาพถ่ายของมันลงบนเฟซบุ๊ก ก่อนที่ Wayne Thompson ที่ปรึกษาการรวบรวมซากดึกดำบรรพ์ของพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติซานตาครูซ จะเข้ามาอธิบายว่า
“วัตถุดังกล่าวเป็นฟันกรามที่สึกจากมาสโทดอนแปซิฟิกที่โตเต็มวัย ซึ่งเป็นสายพันธุ์คล้ายช้างที่สูญพันธุ์ไปแล้ว” พร้อมระบุว่า “นี่เป็นการค้นพบที่สำคัญอย่างยิ่ง” และขอให้เจนนิเฟอร์ติดต่อไปหาเขาโดยด่วน
ทว่าเมื่อไปถึงบริเวณชายหาด พวกเขาก็ได้พบว่าฟันของมาสโตดอนได้หายไปแล้ว ทำให้พวกเขาต้องประสานงานกับหลายฝ่าย จนกลายเป็นข่าวดังไปทั่วสหรัฐอเมริกา
สำหรับฟันของช้างโบราณที่พบ ยังไม่สามารถระบุอายุของมันได้อย่างชัดเจน แต่โดยปกติแล้ว มาสโตดอนเคยท่องไปในแคลิฟอร์เนียเมื่อประมาณ 5 ล้านถึง 10,000 ปีก่อน โดยผู้เชี่ยวชาญได้กล่าวว่า “เราสามารถพูดได้ว่า ตัวอย่างที่พบเจอนี้มีอายุน้อยกว่า 1 ล้านปี ซึ่งค่อนข้าง ‘ใหม่’ หากอ้างอิงตามมาตรฐานฟอสซิล”
ด้านเจนนิเฟอร์ผู้ที่พบฟันมาสโตดอนได้กล่าวว่า แม้เธอจะไม่สามารถรักษาฟันของมาสโตดอนเอาไว้ได้ แต่เธอก็ได้สั่งซื้อสร้อยฟันจำลองของมาสโตดอนจาก Amazon มาเก็บไว้ พร้อมเผยว่า “ไม่บ่อยนักหรอกที่เราจะได้สัมผัสวินาทีประวัติศาสตร์แบบนี้”
