เศร้า ตำรวจพบ 2 ศพ นอนกอดกัน คาดกินยาฆ่าแมลงจบชีวิต พี่สาวช็อก ไม่ทราบมูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุสลด เพราะไม่เคยเล่าอะไรให้ฟัง
ร.ต.อ.อุเทน อำนวย ร้อยเวร สภ.บ้านคา อ.บ้านคา จ.ราชบุรี พบประชาชนเสียชีวิต 2 ศพ ภายในบ้านพัก จึงประสาน พล.ต.ต.วชิรพงษ์ อมราพิทักษ์ ผบก.ภ.จ.ราชบุรี ทราบก่อนจะเดินทางไปตรวจสอบพร้อมแพทย์เวร รพ.บ้านคา รวมถึงเจ้าหน้าที่กู้ภัยลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูชั้นเดียว เมื่อเข้าไปในบ้านพบผู้เสียชีวิตเป็นชายหญิง นอนกอดกัน สภาพศพนอนหงายที่ปากมีเลือดไหลออกมา ทราบชื่อต่อมาคือ นายยงยุทธ ม่วงไหม อายุ 49 ปี และ นางสาวจรรยา พูลมาเอง อายุ 56 ปี สภาพศพนอนกอดกัน โดยทั้งสองคนเป็นสามีภรรยากัน คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 24 ชั่วโมง
ตรวจสอบภายในห้องที่พบไม่มีร่องรอยการต่อสู้ แต่พบขวดเหล้าขาว วางอยู่ 1 ขวด และพบซองยาฆ่าแมลงยี่ห้อหนึ่งใ นถังขยะ ส่วนที่ขื่อพบมีเชือกสีขาวผูกอยู่แต่ลักษณะเชือกถูกตัดปลาย และที่พื้นก็พบเชือกอีกเส้น ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเส้นเดียวกันกับที่พบผูกไว้ที่ขื่อบ้าน เจ้าหน้าที่จึงเก็บหลักฐานทั้งหมดไว้เพื่อตรวจสอบ
จากการสอบถามนางรัตนา พูลมาเอง อายุ 62 ปี พี่สาวของนางสาวจรรยา ผู้ตาย เล่าว่าผู้ตายนั้นเปิดแผงขายผักอยู่ที่ตลาดแห่งหนึ่งในตัวเมืองราชบุรี ส่วนน้องเขยนั้นทำงานเป็นคนขับส่งของในโรงงานใกล้บ้าน โดยก่อนเกิดเหตุเห็นผู้ตายทั้งคู่หายไป จึงเดินมาเรียกผู้ตายทั้งคู่ที่บ้านโดยพบรถยนต์จอดอยู่ รองเท้าก็ถอดอยู่ที่หน้าบ้าน จึงเดินเข้าไปเรียกในบ้าน แต่ไม่มีเสียงตอบ จึงไปเปิดประตูห้องนอน
ตอนที่เอื้อมมือไปเปิดประตูก็สัมผัสกับความเย็นของแอร์ที่เปิดไว้และได้กลิ่นเหม็นคล้ายยาฆ่าแมลง แต่ในห้องนั้นมืดมาก จึงได้ไปเรียกลูกสาว คือนางสาวพัชระ (สงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี ที่บ้านใกล้ๆกันให้มาช่วยดู โดยลูกสาวก็มาเปิดไฟในห้องก็พบว่าทั้งน้องสาวและน้องเขยนอนกอดกันตายอยู่บนเตียงแล้ว ซึ่งยังไม่ทราบว่ามีสาเหตุมาจากอะไร เพราะทั้งคู่ไม่เคยเล่าอะไรให้ฟังเลย แต่พอมาเห็นว่าทั้งคู่ฆ่าตัวตายซึ่งอาจจะกินยาตาย ก็ตกใจและเสียใจมากที่ทั้งคู่ตัดสินใจแบบนี้
ด้าน พ.ต.อ.ภัทรพล วัจนสุนทร ผกก.สภ.บ้านคา เปิดเผยว่า เบื้องต้นหลังได้รับแจ้งก็มาตรวจสอบก็พบว่า ศพที่พบ 2 ศพนั้นเป็นสามีภรรยากัน แต่ยังไม่ทราบสาเหตุการตายที่แน่ชัด ซึ่งเบื้องต้นก็ได้สอบถามทางญาติๆของผู้ตายก็ไม่มีใครทราบสาเหตุที่ทำให้ต้องมาเสียชีวิตแบบนี้ แต่ทั้งนี้ก็จะต้องให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้ทำการตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง
