สรุป #ดราม่าริมน้ำ เดือดอาสาฉีดไฟเซอร์ให้ตัวเอง
เมื่อก้าวขึ้นท่า เจ้ารับแอสตร้า ข้ารับไฟเซอร์ สรุปดราม่า #ริมน้ำ หลังแห่วิจารณ์อาจารย์แพทย์ท่านหนึ่ง เสียสละ หรือ สิทธิพิเศษ กันแน่ ประเด็นยอมฉีดไฟเซอร์
ดราม่า #ริมน้ำ ถูกพูดถึงมาตั้งแต่คืนวันที่ 14 ก.ค.84 โดยเกิดจากโพสต์จุดไฟของอาจารย์แพทย์ท่านหนึ่งแห่งสถาบันการแพทย์ที่ตั้งอยู่ริมน้ำ ที่โพสต์เฟซบุ๊กเล่าว่า ตนเองเสียสละอาสาเข้าโครงการวิจัยฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิ เข็ม 3 เป็น ไฟเซอร์ ที่ทางศูนย์วิจัยซึ่งอาจารย์แพทย์ท่านนี้ทำงานอยู่มีการทำวิจัยว่า ระหว่างการฉีดกระตุ้นด้วย ไฟเซอร์ กับแอสตราเซเนกาอะไรให้ผลที่ดีกว่า
อาจารย์แพทย์ บอกว่าต้องยอมรับความเสี่ยง ตัดสินใจเข้าร่วมเป็นอาสาสมัครทดลองฉีด “ไฟเซอร์เต็มโดส 1 เข็ม” พร้อมภาวนาขอให้ไฟเซอร์เข้ามาไว ๆ ให้ตนเองคลาดแคล้วจนถึงวันได้ร่วมโครงการ
จากนั้นเมื่อข้อมูลกระจายออกไป เริ่มมีการตั้งข้อสงสัยว่า งานวิจัยดังกล่าวเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มคนใกล้ชิดหรือไม่ เพราะการประกาศรับสมัครในกลุ่มเล็กๆ และพอเปิดเผยข้อมูลออกมา กลุ่ม ไฟเซอร์ ได้รับการจองเต็มแล้ว
สำหรับ โครงการวิจัยนี้ ประกาศรับอาสาสมัคร กลุ่มทดลองทั้งหมด 4 กลุ่ม
1 ฉีดซิโนฟาร์มเป็นเข็มสาม
2 ฉีดแอสตร้าฯ
3 ฉีดไฟเซอร์เต็มโดส
4 ฉีดไฟเซอร์ครึ่งโดส
มีการวิพากษ์วิจารณ์และตั้งคำถามว่า โครงการดังกล่าวใช้ไฟเซอร์จากไหน
หากใช้วัคซีนที่บริจาคมาก็อาจจะผิดมติ ศบค.หรือไม่ เพราะ ศบค.มีมติให้เอามาฉีดกระตุ้นภูมิให้บุคลาการด่านหน้า ไม่ได้ให้เอามาทดลอง ทั้งยังอาจผิดวัตถุประสงค์ของผู้บริจาคอีกด้วย
อีกทั้งการนำไปทำวิจัย ต้องเปิดเผยโครงการวิจัย และเปิดรับอาสาสมัครอย่างโปร่งใส มีการรายงานผลการวิจัยให้สาธารณชนทราบอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน บุคลากรทางการแพทย์ที่จบจากสถาบันริมน้ำ หลายคนพร้อมใจกันเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ในเฟซบุ๊ก เป็นภาพถ่ายตอนรับใบประกอบวิชาชีพจากคณบดี พร้อมกับติดดแคปชั่นแสดงความเห็นถึงดราม่าร้อนครั้งนี้
นอกจากนี้ วลีต้อนรับอันแสนอบอุ่นของสถาบันก็ถูกนำมาแปลงเป็น “เมื่อก้าวขึ้นท่า เจ้ารับแอสตร้า ข้ารับไฟเซอร์”
อ้างอิงข้อมูลจาก : ข่าวสด, Poetry of Bitch, Twitter นายแพทย์ ดิษกุล ประสิทธิ์เรืองสุข