ข่าวข่าวภูมิภาค

หมอธีระ ชี้ สถานการณ์โควิดไทย กำลังจะ โคม่า

หมอธีระ ชี้ สถานการณ์โควิดไทย กำลังเข้าขั้นโคม่า หากประเทศไทยไม่ออกมาตรการที่เหมาะสมภายในปลายสัปดาห์นี้ คาดอาจติดถึง 3 หมื่นราย

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat แสดงความเห็นสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยในขณะนี้ โดยหมอธีระชี้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของประเทศไทยในขณะที้กำลังเข้าขั้นโคม่า

Advertisements

โดยโพสต์ของหมอธีระระบุว่า “ประเทศอื่นๆ ที่เคยระบาดซ้ำมาก่อน มีร้อยละ 88 ที่เผชิญกับการระบาดที่รุนแรง และยาวนานกว่าระลอกแรกส่วนอีกร้อยละ 12 นั้นสามารถคุมโรคให้ไม่มากไปกว่าระลอกแรกได้ โดยมีกุญแจแห่งความสำเร็จ 3 อย่างคือ

หนึ่ง การตัดสินใจออกมาตรการเข้มข้นเพื่อควบคุมการแพร่กระจายของโรคโดยไม่รีรอ เพราะเห็นความสำคัญเรื่องชีวิตประชาชนมาเป็นอันดับแรก
สอง การมีระบบการตรวจคัดกรองโรคโควิดมาตรฐานที่สามารถตรวจได้อย่างครอบคลุมทั่วถึง เข้าถึงได้ง่าย และตรวจจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง
สาม ประชาชนร่วมแรงร่วมใจกันป้องกันตนเองอย่างเต็มที่ และไปตรวจหากสัมผัสความเสี่ยง

สำหรับสถานการณ์ในประเทศไทยตอนนี้ หากประเมินแบบอุปมาอุปมัยให้เห็นภาพคงต้องบอกว่ากำลังจะเข้าสู่ขั้นโคม่าครับ สังเกตได้จากการระบาดที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกวันอย่างต่อเนื่อง และจำนวนพื้นที่ที่มีรายงานเคสติดเชื้อก็เพิ่มขึ้นทุกวัน เราจึงเห็นกระแสในโซเชียลหลายต่อหลายจังหวัดเฝ้ารอดูว่าจังหวัดตัวเองจะถูกตีไข่แตกหรือไม่ และเมื่อไหร่”

นอกจากนี้หมอธีระยังระบุอีกว่า ในขณะนี้เชื้อได้แพร่กระจายไปประชาชนหลายกลุ่ม หลายอาชีพ หลายอายุ รวมถึงยังมีเหตุการณ์การแพร่กระจายในวงกว้างหลายเหตุการณ์ รวมไปถึงเคสที่ไม่ทราบต้นตอมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเป็นตัวแปรสำคัญที่จะทำให้ไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้

“แต่แค่จำนวนตัวเลขนั้นไม่ใช่อย่างเดียวที่จะบอกว่าโคม่า สิ่งที่เห็นชัดเจนคือ มีการติดเชื้อที่อยู่ในหลากหลายกลุ่มประชากรทุกเพศทุกวัย หลากหลายอาชีพ หลายสถานการณ์ หลายกลุ่มก้อน ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีเหตุการณ์การแพร่กระจายวงกว้าง หรือ superspreading events หลายเหตุการณ์เช่นกัน และสุดท้ายที่สำคัญที่สุดคือ มีรายงานเคสติดเชื้อที่ไม่ทราบต้นตอสาเหตุการติดเชื้อมากขึ้นเรื่อยๆ ครับ นี่คือลักษณะสำคัญของการระบาดซ้ำ ที่จะเป็น “key driver to uncontrollable situation” แปลว่าเป็นตัวนำไปสู่การระบาดที่ควบคุมไม่ได้ในเวลาอีกไม่นาน เพราะในการใช้ชีวิตประจำวันของเราตอนนี้ จะมีคนที่ติดเชื้อโดยไม่รู้ตัว ทั้งแบบที่ไม่มีอาการและมีอาการ อยู่ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วไปครับ

Advertisements
ไม่ใช่แค่”เค้า” แต่อาจรวมถึง “ตัวเรา” หรือ “สมาชิกในครอบครัว” หรือ “ญาติสนิทมิตรสหาย”ทุกคนจึงมีสิทธิที่จะติดเชื้อจากคนอื่นโดยไม่รู้ตัว หรือแพร่เชื้อไปให้ผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว…หากเราไม่ป้องกันโดยการใส่หน้ากาก 100%, ไม่รักษาระยะห่างเวลาพบเจอกันพูดคุยกัน, ไม่ล้างมือหลังจากจับมือถือแขนหรือโอบกอดกัน, หรือไม่ลดละเลี่ยงกิจกรรมเสี่ยงที่มีคนหมู่มากมาอยู่กันอย่างใกล้ชิดแออัด ที่เจอกันมามากมายในประเทศต่างๆ นั้น จะแพร่กันมากขึ้น ไวขึ้นในช่วงการระบาดซ้ำคือ
1. การแพร่กันในบ้าน พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ลูกหลาน
2. ปาร์ตี้ทุกชนิดที่ชวนเพื่อนฝูงมาสังสรรค์กันมากหน้าหลายตา
3. งานแต่งงาน งานศพ งานบวช งานวัด ทำบุญตักบาตรเป็นหมู่คณะ หรืออื่นๆ
4. คอนเสิร์ต การแสดงต่างๆ งานเคานท์ดาวน์
5. ทริปเที่ยวกันเป็นหมู่คณะ
6. ร้านอาหาร ผับ บาร์ สนามกีฬา หรือกิจการเสี่ยงอื่นๆ
7. ขนส่งสาธารณะ ทั้งบนบก ในน้ำ หรือทางอากาศ
เหล่านี้คือสิ่งที่แต่ละจังหวัดควรพิจารณาดำเนินมาตรการเข้มข้นเพื่อป้องกันการระบาดของโรค และเป็นสิ่งที่ประชาชนทุกคนควรรู้ และระมัดระวังในการใช้ชีวิตประจำวันในเวลานี้ ไม่ว่าจะอยู่จังหวัดใดก็ตาม หากปลายสัปดาห์นี้ สถานการณ์ภาพรวมของประเทศยังไม่ดีขึ้น และไม่ตัดสินใจดำเนินมาตรการที่เหมาะสมอย่างทันเวลา คาดการณ์ว่าคลื่นระบาดลูกที่สองนี้ อาจทำให้เรามีการติดเชื้อใหม่รวมอย่างน้อย 23,000-33,000 คน และใช้เวลาต่อสู้อย่างหนักหน่วงนานราว 3 เดือน”
ซึ่งหมอธีระปิดท้ายด้วยการขอร้องให้คนไทยอยู่บ้านในช่วงปีใหม่เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ไทยเกอร์นิวส์

นำเสนออัปเดตข่าวสารบ้านเมือง ข่าวล่าสุด มั่นใจว่าคุณจะทันทุกสถานการณ์ ไม่ว่า สังคมเศรษฐกิจ การเงิน การเมือง เรื่องร้อนออนไลน์ ดราม่าดารา อัปเดตบันเทิง ซีรีส์ หนัง เพลง ท่องเที่ยว กีฬา ตรวจหวย เลขเด็ด พร้อมเสิรฟ์ทุกเรื่องยาก ๆ ย่อยให้คุณเข้าใจง่าย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button