ผกก.สกลนคร ชี้แจง ดาว ขำมิน ขับรถเร็ว 111 กม./ ชม. เกินกำหนด
ผกก.สกลนคร ชี้แจง ดาว ขำมิน ขับรถเร็ว 111 กม./ ชม. เกินกำหนด
จากกรณีวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์ หลังจากมีคนเผยแพร่คลิปที่ดาว ขำมิน ตลกหนุ่มหน้าตาย ได้ปะทะอารมณ์กับตำรวจกาฬสินธุ์ เนื่องจากเจ้าตัวขับรถเร็วกว่ากฎหมายกำหนด จึงถูกตำรวจเรียกตรวจ ขณะขับรถฮุนได H-1 สีดำ ทะเบียน 8 กฒ 1007 กทม. มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพ เหตุเกิดที่สี่แยกบายพาส ถนนสกลนคร กาฬสินธุ์ บริเวณกิโลเมตรที่ 3 เขตเทศบาลนครสกลนคร เมื่อวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สอบถามไปยัง พ.ต.อ.กิตเตชิษฐ์ บำรุง ผกก.สภ.เมืองสกลนคร ซึ่งได้ชี้แจงว่า เมื่อวันที่ 29 ม.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.เมืองสกลนคร ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา ให้ตั้งจุดตรวจที่แยกบายพาสกาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นการกวดขันวินัยจราจร เพื่อลดและป้องกันอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้น ซึ่งการขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด (ใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 90 กม./ชม.) เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดอุบัติเหตุ และอาจทำให้เกิดการสูญเสียต่อชีวิต ร่างกายและทรัพย์สิน ด้วยความห่วงใย และไม่อยากให้เกิดความสูญเสียของพี่น้องประชาชน จึงได้ตรวจจับความเร็วของรถ
จากนั้นตามวันเวลาที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรขณะใช้กล้องตรวจจับความเร็วรถอยู่ ได้พบรถยนต์ยี่ห้อ HYUNDAI H-1 สีดำ ทะเบียน 8กฒ – 1007 กรุงเทพมหานคร ขับมาด้วยความเร็ว 111 กม./ ชม. เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรผู้ทำการตรวจจับความเร็วรถคันดังกล่าว จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประจำจุดตรวจได้รับทราบ
เมื่อรถคันดังกล่าวมาถึงจุดตรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรจึงได้ส่งสัญญาณให้ผู้ขับรถคันดังกล่าวชลอความเร็วรถลง และได้ให้ขับรถไปชิดขอบทางด้านซ้ายของถนน และขอตรวจสอบดูใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ และแจ้งให้ผู้ขับขี่รถคันดังกล่าวได้ทราบว่า ขับขี่รถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด แต่ผู้ขับรถคันดังกล่าวไม่ยินยอมส่งมอบใบอนุญาตขับขี่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร และแจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าไม่ได้ขับรถเร็ว
จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งให้ผู้ขับทราบว่ามีหลักฐานจากกล้องตรวจจับความเร็ว และได้ปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรจึงได้ดำเนินการออกใบสั่งให้ผู้ขับขี่รถคันดังกล่าวในข้อหา ขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และไม่แสดงใบอนุญาตขับขี่เมื่อเจ้าพนักงานเรียกตรวจ (ฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงาน) ผู้ขับขี่รถคันดังกล่าวก็ได้รับใบสั่งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร และไม่ได้มีการเปรียบเทียบปรับแต่อย่างใด
ที่มา: ไทยรัฐ