ข่าวดารา

ต่าย ชุติมา ไม่เคยโกรธ ทิม พิธา คืบหน้าเซ็นใบหย่า

ต่าย ชุติมา ไม่เคยโกรธ ทิม พิธา คืบหน้าเซ็นใบหย่า

หลังจากที่เป็นคุณแม่เลี้ยงลูก ตอนนี้เจ้าตัวก็หวนคืนวงการบันเทิงอีกครั้งแล้ว สำหรับ ต่าย ชุติมา ทีปะนาถ ที่ตอนนี้เจ้าตัวเตรียมมารับเล่นในซีรี่ส์เรื่อง “Mother…เรียกฉันว่าแม่” งานนี้พอมีโอกาสได้เจอต่ายในงานบวงสรวง จึงขอถามความคืบหน้าที่เจ้าตัวเซ็นใบหย่ากับ ทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เสียหน่อย

รับซีรีส์แล้วแบ่งเวลาดูแลน้องพิพิมยังไง?

Advertisements

เราก็จะรับเฉพาะวันที่น้องไม่อยู่ค่ะ ตอนนี้ก็คือเลี้ยงเยอะ แต่ว่าเอาวันที่เขาไม่อยู่ คือเวลาให้คิวก็เฉพาะตอนที่น้องไม่อยู่ด้วย ก็จะไม่ค่อยมีวันให้เขา เพราะอย่างกองหนัง เขาก็บอกว่าคิวเรายากมากเลย ไม่ค่อยมีเวลา

แสดงว่าเราต้องเอาลูกก่อนเป็นหลัก?

ใช่ค่ะ เราต้องดูแลเขาอันดับ 1

ก็เลี้ยงช่วงวันศุกร์-อาทิตย์?

“ก็มีการเปลี่ยนแปลง ตอนนี้ได้อีกเยอะ แบบว่าตกลงกันค่ะ”

Advertisements

เป็นความเข้าใจกันมากขึ้น เลยได้มีโอกาสอยู่กับลูกมากขึ้น?

“ก็ไม่เกี่ยว มันก็เป็นเหมือนตามความเหมาะสมค่ะ ถามว่ารู้สึกยังไงบ้างที่ได้อยู่กับลูกมากขึ้น มากกว่าก่อนหน้านี้ ก็คือยังไงก็ยังเป็นห่วงเขาอยู่ดีแหละเวลาที่เขาไม่อยู่ เพราะว่ายังไงแม่ก็จะต้องดู ลงดีเทลทุกสิ่งทุกอย่างของเขา ก็พยายามทำให้ดีที่สุดเวลาที่เขาอยู่ หรือถ้าไม่อยู่ เราก็พยายามฝากโน่นนี่ให้ครบตามในเรื่องที่เราเป็นห่วงค่ะ”

เราเป็นห่วงอะไรน้องบ้างในช่วงนี้?

ก็อย่างพวกเชื้อโรค ซึ่งเราเป็นห่วงมาตั้งแต่เด็กแล้ว ยิ่งทวีคูณ ยิ่งเรื่องฝุ่นเราก็เป็นห่วงในเรื่องของมลภาวะ อยากให้พกเครื่องฟอกอากาศในวันที่อากาศไม่ดี อยู่ในบ้านก็อย่าเปิดหน้าต่าง เปิดเครื่องกรอง อย่างเรื่องเครื่องกรองอากาศเราก็ใช้แบบดีที่สุดอยู่แล้ว ถ้าเกิดไปอยู่ในที่ที่เครื่องไม่โอเค เราก็จะกังวลค่ะ

แล้วอย่างเรื่องทางกฎหมาย เหมือนมีข่าวว่าเราไปเซ็นใบหย่าแล้ว?

ก็ยังอยากให้เป็นเรื่องในกระบวนการ ไม่อยากลงรายละเอียดค่ะ ถามว่าสบายใจขึ้นมั้ยในช่วงเวลาที่ผ่านมา จริงๆ มันก็สบายใจตั้งแต่แรกอยู่แล้วแหละ หมายถึงว่าตั้งแต่แรกเริ่มที่มีเรื่อง มันก็ดี ทุกอย่างก็ดีขึ้นเรื่อยๆ

ยังไม่มีการเซ็นใดๆ ในทางกฎหมาย?

ก็ยังพูดไม่ได้ หมายถึงว่าในกระบวนการจะมีคำสั่งมาค่ะ

มันจะยืดเยื้อไปอีกนานมั้ย?

ก็ไม่น่าจะนานค่ะ น่าจะภายในปีนี้ค่ะ

ความสัมพันธ์กับคุณทิม ตอนนี้คุยกันมากขึ้นมั้ย?

ก็เหมือนเดิม คุยเรื่องลูกค่ะ เราก็เหมือนไปตามธรรมชาติ ไม่ได้ติดใจอะไร หมายถึงเราไม่ได้โกรธ ทำทุกอย่างออกมาจากใจ

ถ้าน้องโตขึ้นมาแล้วน้องถาม เราจะทำยังไง?

ทุกอย่างต้องพูดตามความจริง ไม่คิดจะปิดบังอะไรอยู่แล้ว เพราะถ้าเราปิดบัง แน่นอนเขาก็ต้องปิดบังเรา ต้องเลี้ยงให้เขาเป็นเพื่อนสนิทของเราค่ะ เขาบอกเราได้ทุกเรื่อง เราก็บอกเขาได้ทุกเรื่อง รอเวลาแค่ให้น้องถาม ถ้าเขาอยากรู้อะไรก็ยินดีที่จะเล่าอยู่แล้ว

ตอนนี้น้องถามบ้างมั้ยว่าอยู่บ้านพ่อหรือบ้านแม่?

เขาเข้าใจอยู่แล้วค่ะว่าตอนนี้กิจวัตรเขาเป็นยังไง ทุกๆ วันก็คือดีขึ้นตลอด

ล่าสุดเห็นว่าทำรายการเอง?

ใช่ๆ เป็นรายการ Rabbit on the Moon ค่ะ มีมูเตลู เป็นรายการที่เหมือนเราพาชิม พาเที่ยว ก็พาไปไหว้พระบ้าง ดูฮวงจุ้ย อะไรที่เป็นสายมู รู้สึกว่าคนเราเก่งอย่างเดียวไม่พอ ต้องเฮงด้วย ไม่งั้นทำไมบริษัทใหญ่ๆ หลายบริษัทถึงได้มีซินแส มีการทำพิธี ถ้าไม่เชื่ออย่าลบหลู่ค่ะ แต่เราก็ต้องใช้วิจารณญาณในการทำด้วย อย่างมงาย เราทำบนหลักวิทยาศาสตร์ ทำแล้วได้มั้ย ที่นี่ทำแล้วเป็นยังไง ผลเป็นยังไง ดูแล้ววิเคราะห์ไปด้วย

แสดงว่ามาจากไลฟ์สไตล์ที่เราชอบอยู่แล้ว?

จริงๆ อย่างที่บ้านก็จะเป็นสายทำบุญตลอด ตั้งแต่อยู่ในท้อง คุณพ่อจะเล่าให้ฟังว่าตั้งแต่เราอยู่ในท้อง ก็จะมาทำสังฆทานที่วัดนี้ ทำตลอด มาทุกเดือน ก็จะวนเวียนอยู่กับการทำบุญทำทาน

เรียกว่าทำมาจากความเชื่อ?

ใช่ ถ้าทำอะไรที่เป็นสิ่งที่ดี ก็ต้องได้รับอะไรที่ดีๆ แต่ทำบนพื้นฐานความไม่งมงายนะ อย่างฮวงจุ้ยก็เป็นหลักวิทยาศาสตร์เหมือนกัน เหมือนเป็นการเก็บสถิติว่าบ้านนี้ทำแบบนี้แล้วมันดี ก็กลายเป็นตำราขึ้นมาค่ะ

P. Wanutch

อัพเดททุกความบันเทิง ทั้งไทย ต่างประเทศ K-pop รีวิวหนัง เพลง คอนเสิร์ต พร้อมนำเสนอเรื่องราวที่น่าสนใจและหลากหลาย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button