คลินิกแชร์เคสคนไข้อาเจียนเป็นเลือด 2 ชั่วโมง แพทย์ชี้ผลข้างเคียงจาก ‘ยาแก้ปวดลดอักเสบ’ มากเกินไป อันตรายถึงชีวิต แนะใช้กลุ่มยาอื่นเพื่อความปลอดภัย
เปิดข้อควรระวังการใช้ยาที่หลายคนไม่ทราบ กรณี คลินิกเวชกรรมแพทย์คิมหันต์ ออกมาเปิดเผยอาการของผู้ป่วยที่อาเจียนเป็นเลือด 2 ชั่วโมงก่อนมา ซึ่งสามวันก่อนหน้า มีอาการปวดจุกท้องจึงกลับไปและได้รับการรักษากระเพาะอาหารอักเสบ ต่อมาเริ่มมีอาการถ่ายดำเป็นระยะ ๆ กระทั่งวันนี้อาเจียนเป็นเลือด หลังจากสืบประวัติพบว่าผู้ป่วยรายนี้เคยฉีดยาและกินยาแก้ปวดลดอักเสบ
คลินิกเวชกรรมแพทย์คิมหันต์ เตือนว่าสถานการณ์จริงน่ากลัวมาก เพราะผู้ป่วยอาเจียนเป็นเลือดสด ปนลิ่มเลือด
ประมาณ 800-1,000 ลูกบาศก์เซนติเมตร หรือเกือบเต็มถุงเซเว่นใบใหญ่ จึงอยากให้ระมัดระวังการใช้ยาแก้ปวดลดอักเสบ
ทั้งแบบกินและฉีด (NSAIDs) ที่มากเกินความเหมาะสม เนื่องจากยาจะมีผลข้างเคียงทั้งระบบทางเดินอาหาร การทำงานของไต รวมถึงระบบหัวใจและหลอดเลือด
ทั้งนี้ ฝากเตือนเป็นอุทาหรณ์ สำหรับทุก ๆ คน ทางคลินิกพยายามเน้นในการแนะนำคนไข้การปรับพฤติกรรมและปรับยาให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละคนเป็นหลัก
ต่อมามีผู้เข้ามาสอบถามว่า “กินประเภทแก้ปวดแก้อักเสบ ไอบูโพเพ่นบ่อยเป็นไรไหมคะ” ทางคลินิกตอบกลับว่า “Brufen คือกลุ่ม NSAIDsตัวนี้แหละครับ ที่ทำให้เกิดผลข้างเคียง ก่อนใช้ยาปรึกษาแพทย์ เภสัชกรครับ”
สำหรับ ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (Nonsteroidal Anti-inflammatory Drugs หรือ NSAIDs) ยาที่คนทั่วไปรู้จักในชื่อของยาแก้ปวดข้อ หรือ ยาแก้ข้ออักเสบ คือ ยาที่ใช้เพื่อบรรเทาอาการปวด ลดไข้ และลดการอักเสบ เช่น แอสไพริน (aspirin หรือ acetyl salicylic acid), ไอบูโพรเฟน (ibuprofen), ไดโคลฟีแน็ก (diclofenac) เป็นต้น
ยา NSAIDs ใช้เพื่อบรรเทาอาการปวดและลดอาการอักเสบในโรคข้ออักเสบ, ใช้กับการอักเสบ, มีฤทธิ์ลดไข้ ทั้งยังใช้ในกรณีบรรเทาอาการปวดเฉียบพลันได้ เช่น ปวดประจำเดือน แม้จะมีประโยชน์ทางการแพทย์ แต่ก็มีผลกระทบต่อร่างกายที่หลายคนไม่ทราบ เช่น เกิดอาการระคายกระเพาะอาหาร, แผลในกระเพาะอาหารและลำไส้, เสี่ยงเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือด, เกิดผลเสียต่อไต อาจอันตรายถึงขั้นไตวายได้ รวมทั้้งอาจมีอาการปวดศีรษะ วิงเวียน หรือ ความดันโลหิตเพิ่ม
อย่างไรก็ตามหลายคนกังวลว่ายาการใช้ยาต้านการอักเสบจะสามารถเลี่ยงไปใช้ยาตัวอื่น ๆ ได้หรือไม่ ทางคลินิกเวชกรรมแพทย์คิมหันต์ ได้แนะนำกลุ่มยาที่สามารถใช้ได้ ดังนี้
1. Paracetamol เป็นยาสามัญประจำบ้าน เพราะมันปลอดภัย
2. tramadol แต่อาจมีผลข้างเคียง มึนเวียนง่วงอาเจียน โดยสั่งจ่ายโดยแพทย์เท่านั้น
3. NSAID แบบทา หรือพ่น อย่างน้อยก็ให้มันออกฤทธิ์บริเวณปวด
ข้อมูลจาก : คลินิกเวชกรรมแพทย์คิมหันต์
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เช็กด่วน! สธ. สั่งแบน “ยาแก้ปวด” ชนิดนี้? ใครมีอยู่ที่บ้านทิ้งเลย เสี่ยงตับวาย-ตายเฉียบพลัน
- เปิดชื่อ 6 ยาแก้ปวด กินติดกันเกิน 5 วัน เสี่ยงไตวาย
- หมอธีระวัฒน์ เตือนภัย ยาแก้ปวด คนไทยชอบกิน เสี่ยงอันตรายถึงหัวใจ-สมอง ไม่ใช่แค่กระเพาะ-ไต
ติดตาม The Thaiger บน Google News:
ข่าวล่าสุด
