คู่รักข้ามเพศ เล่าเรื่องช็อกพอเป็นชาย ถูกสั่งถอดเสื้อเช็กกล้าม โลกไม่เหมือนอย่างที่คิด

เบื้องหลัง ‘อายูมุซัง’ หนุ่มข้ามเพศชาวญี่ปุ่น หลังแปลงเพศเต็มตัว ต้องช็อกวัฒนธรรมชายแท้ในที่ทำงาน ถูกสั่งถอดเสื้อเช็กกล้าม รู้ซึ้งความลำบากอีกมุม
เว็บไซต์ต่างประเทศ bunshun เปิดมุมมองใหม่ของสังคม กรณี ‘อายูมุซัง’ (Ayumu) เกิดมาเป็นผู้หญิงแต่ข้ามเพศเป็นผู้ชาย วัย 31 ปี และ ‘คุณมิยุ’ อายุ 28 ปี เกิดมาเป็นผู้ชายแต่ข้ามเพศเป็นผู้หญิง ทั้งคู่แต่งงานกันในปี 2020 และเป็นที่รู้จักในฐานะคู่รัก ‘คู่สามีภรรยาสลับเพศ’ ได้ออกมาเปิดใจผ่านรายการวาไรตี้ชื่อดังถึงเส้นทางชีวิตกว่าจะได้เป็นตัวเองอย่างสมบูรณ์ แถมได้พบกับเรื่องราวสุดช็อกที่ทำให้ต้องประหลาดใจกับวัฒนธรรมความเป็นชายในสังคม
อายูมุเล่าว่า หลังจากที่เขาผ่านการผ่าตัดแปลงเพศ ได้ใช้ชีวิตในฐานะผู้ชายเต็มตัวแล้ว เขาได้เข้าทำงานในบริษัทขนส่งแห่งหนึ่ง และต้องพบกับประสบการณ์ที่น่าตกใจ เมื่อเพื่อนร่วมงานชายได้พูดกับเขาว่า “อยากเช็กว่ามีกล้ามไหม ถอดเสื้อสิ” ในขณะนั้นยังคงมีแผลผ่าตัดอยู่ ทำให้รู้สึกอึดอัดใจอย่างมาก โชคดีที่มีคนอื่นเข้ามาช่วยพูดให้เรื่องจึงผ่านไปได้ แต่เหตุการณ์นั้นทำให้ตนตระหนักได้เป็นครั้งแรกว่า “โลกนี้ปฏิบัติกับผู้ชายแบบไม่ค่อยทะนุถนอมอย่างนี้นี่เอง!”
ก่อนที่อายูมุจะได้ใช้ชีวิตเป็นผู้ชายอย่างที่ใจต้องการ เขาต้องผ่านเรื่องราวการต่อสู้กับร่างกายและจิตใจของตัวเองมาอย่างยาวนาน เล่าย้อนไปตั้งแต่จำความได้ เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นเด็กผู้ชายมาตลอด ชอบเล่นเบสบอล คลุกดินคลุกโคลนกับเพื่อนผู้ชาย และไม่เคยชอบใส่กระโปรง กระทั่งความรู้สึกขัดแย้งในใจปะทุขึ้นตอนอายุได้ 11-12 ปี วันที่มีประจำเดือนครั้งแรก เขารู้สึกเหมือนโลกล่มสลายและร่างกายกำลังย้ำว่า “แกเป็นผู้หญิงนะ”
ต่อมาในช่วงวัยเรียน เขาเกลียดการใส่กระโปรงในชุดนักเรียนเบลเซอร์มากจนต้องใส่กางเกงวอร์มไว้ข้างในเสมอ และมักถูกคนพูดลับหลังว่าเห็นผู้ชายใส่กระโปรง จนอายุได้ 18 ปี หลังจากย้ายไปเรียนที่โอซาก้าและมีแฟนสาวคนแรก เธอเป็นแรงผลักดันให้เขากล้าที่จะบอกความจริงกับพ่อแม่ ซึ่งปฏิกิริยาของทั้งคู่หลังที่ได้รู้ความจริงแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
คุณพ่อร้องไห้เสียใจ ก่อนจะส่งอีเมลมาบอกว่า “ที่นี่คือบ้านที่แกจะกลับมาได้เสมอ ต่อจากนี้พ่อจะเลี้ยงแกในฐานะลูกชาย” ในขณะที่คุณแม่กังวลเรื่องมุมมองของสังคมจึงกล่าวว่า “ไม่ต้องกลับมาบ้านสักพักนะ”
อย่างไรก็ตาม ชายข้ามเพศตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศตอนอายุ 20 ปี แม้คุณแม่จะไม่เห็นด้วยในตอนแรก แต่สุดท้ายท่านก็ได้เซ็นใบยินยอมให้โดยวางไว้บนโต๊ะเงียบ ๆ รวมทั้งมาเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล จากนั้นอายูมุสามารถเปลี่ยนคำนำหน้าและเพศในทะเบียนบ้านได้อย่างสมบูรณ์ก่อนจะอายุครบ 21 ปี เขากล่าวว่านั่นคือช่วงเวลาที่เขารู้สึกว่า “ได้เป็นตัวเองเสียที”
ทั้งนี้ อายูมุทิ้งท้ายบทสัมภาษณ์ไว้ว่า การได้กลายเป็นผู้ชายเต็มตัวนั้นทำให้เขาได้เรียนรู้ความยากลำบากอีกรูปแบบหนึ่งที่ผู้ชายต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นการถูกปฏิบัติด้วยความแข็งกระด้าง หรือกฎระเบียบที่เข้มงวดในที่ทำงานซึ่งแตกต่างจากผู้หญิงอย่างสิ้นเชิง
แม้จะดีใจที่ได้เป็นผู้ชายอย่างที่ฝันไว้แต่ก็ทำให้เขาได้ตระหนักว่า “ผู้ชายก็มีความยากลำบากในการใช้ชีวิตในแบบฉบับของผู้ชายเช่นกัน”
ข้อมูลจาก : bunshun
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ศาลสูงสุดอังกฤษ ชี้ขาดนิยาม เพศหญิง=เพศกำเนิด ไม่กระทบสิทธิคนข้ามเพศ
- ศาลฎีกาอังกฤษ จ่อชี้ขาดนิยาม ‘ผู้หญิงแท้’ ตามกฎหมาย หวั่นกระทบสิทธิหญิงข้ามเพศ
- ทรัมป์ เซ็นคำสั่งห้ามนักกีฬาข้ามเพศลงแข่งกับผู้หญิง กดดันโอลิมปิกต่อ
ติดตาม The Thaiger บน Google News: