ซึ้งใจ ‘น้องน้ำปั่น’ ทรมาน ป่วยโรคตุ่มน้ำพอง 6 ปี อาศัยอยู่กับยาย ได้ทนายไพศาลช่วยทำข่าว ตอนนี้ได้ไปรักษากับหมอเฉลิมพลแล้ว รักษาด้วยยาสมุนไพร
คนไทยน้ำตาไหล “น้องน้ำปั่น” เด็กหญิงวัย 12 ปี ต้องต่อสู้กับโรคตุ่มน้ำพอง (Epidermolysis Bullosa หรือโรคผีเสื้อ) มานานกว่า 6 ปี อาศัยอยู่กับยาย ล่าสุดน้องน้ำปั่นได้รับโอกาสในการรักษาด้วยสมุนไพรกับ “ป๋าเหลิม” หรือ ดร.เฉลิมพล ศักดิ์คำ สร้างความหวังให้กับครอบครัวเป็นอย่างมาก
ทนายไพศาล พร้อมด้วยรายงานของอมรินทร์ทีวี ได้ไปถ่ายทำรายการเพื่อหวังช่วยเหลือ น้องน้ำปั่น ผู้ต้องเผชิญกับความเจ็บปวดทรมานจากโรคตุ่มน้ำพอง ทำให้ผิวหนังทั่วร่างกายเปราะบาง เกิดตุ่มน้ำและแผลได้ง่ายแม้เพียงสัมผัสเบาๆ ตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา โรคร้ายนี้ได้พรากชีวิตวัยเด็กที่ควรจะสดใสของไป
น้องไม่สามารถไปโรงเรียนหรือวิ่งเล่นเหมือนเด็กทั่วไปได้ ต้องใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่แต่ในบ้านด้วยความดูแลอย่างใกล้ชิดจากคุณยายสายพิณ
คุณยายสายพิณเล่าด้วยความรู้สึกตื้นตันว่า ก่อนหน้านี้รู้สึกสงสารหลานสาวมาก เพราะตลอด 6 ปีที่ผ่านมา น้องน้ำปั่นแทบไม่ได้ออกไปไหนเลย การที่หลานสาวได้รับการดูแลรักษาในครั้งนี้ถือเป็นความหวังครั้งสำคัญของครอบครัว
ปัจจุบัน น้องน้ำปั่นได้เข้ารับการรักษาที่ศูนย์การเรียนรู้โรคสะเก็ดเงิน ของ ดร.เฉลิมพล ศักดิ์คำ หรือ “ป๋าเหลิม” หมอสมุนไพรพื้นบ้าน ในตำบลท่าช้าง อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี ซึ่ง ดร.เฉลิมพล พร้อมด้วย เภสัชกร กานน ธรรมเจริญ หรือ หมอปู้ จันทบุรี และทีมงาน ได้ให้การดูแลน้องน้ำปั่นเป็นอย่างดี เบื้องต้นอาการของน้องมีแนวโน้มที่ดีขึ้น สร้างความดีใจและเป็นกำลังใจให้กับน้องและครอบครัวเป็นอย่างยิ่ง
ความหวังสูงสุดของน้องน้ำปั่นและครอบครัวในตอนนี้คือการที่น้องจะหายจากความเจ็บปวด และสามารถกลับไปเรียนหนังสือ ใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงกับเด็กปกติอีกครั้ง
เบื้องต้น ดร.เฉลิมพล ศักดิ์คำ และเภสัชกร กานน ธรรมเจริญ เผยว่าโรคตุ่มน้ำพองของน้องน้ำปั่นจะใช้การรักษาแบบสมุนไพรไทย ประมาณ 3 เดือน ในช่วง 1 สัปดาห์ถึงเดือนแรก น้องจะมีอาการดีขึ้น จะใช้ยาสมุนไพรพ่นตามร่างกายไปก่อน แล้วถ้าน้องคุ้นเคยกับยา ก็จะใช้วิธีการอาบ สังเกตบาดแผลพุพองอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการคุมอาหารที่น้องรับประทานในช่วงการรักษา ซึ่งหลังจากนี้ประมาณ 3-4 เดือน น้องจะเป็นปกติกลับมาใช้ชีวิต กลับไปเรียนได้แน่นอน
โรคตุ่มน้ำพองคืออะไร?
โรคตุ่มน้ำพอง หรือ Epidermolysis Bullosa (EB) มักเรียกกันว่า “โรคผีเสื้อ” เนื่องจากผิวของผู้ป่วยจะเปราะบางคล้ายปีกผีเสื้อ เป็นกลุ่มโรคทางพันธุกรรมที่หายาก ทำให้ผิวหนังอ่อนแออย่างมาก เกิดตุ่มน้ำพองและแผลถลอกได้ง่ายแม้จากการเสียดสีหรือการกระทบกระเทือนเพียงเล็กน้อย แผลเหล่านี้อาจนำไปสู่การติดเชื้อ ความเจ็บปวดเรื้อรัง และภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ได้ ผู้ป่วยโรคนี้ต้องการการดูแลผิวหนังเป็นพิเศษและต่อเนื่องตลอดชีวิต ปัจจุบันการรักษามุ่งเน้นไปที่การประคับประคองอาการ ป้องกันการติดเชื้อ และบรรเทาความเจ็บปวด
เรื่องราวของน้องน้ำปั่นคล้ายคลึงกับกรณีของ “เมฆ – วินัย ไกรบุตร” อดีตพระเอกชื่อดังผู้ล่วงลับ ที่เคยต่อสู้กับโรคตุ่มน้ำพองเช่นกัน ซึ่งทำให้สังคมไทยได้รู้จักและตระหนักถึงความรุนแรงและความทุกข์ทรมานของผู้ป่วยโรคนี้มากขึ้น
ทีมข่าวไทยเกอร์ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้น้องน้ำปั่นมีอาการที่ดีขึ้นในเร็ววัน และสามารถกลับไปเรียนหนังสือ สานฝันของตัวเองได้สำเร็จ
ติดตาม The Thaiger บน Google News:
ข่าวล่าสุด
