วิโรจน์ ชี้พิรุธ รถทหารปลอมขนไอซ์ เช็กไม่ยากใครเป็นเจ้าของ

วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ตั้งข้อสงสัย ปมรถทหารปลอมขนไอซ์ 1,400 กิโลกรัม ตรวจไม่ยากว่าใครเป็นเจ้าของ ลั่นเคยเป็นวิศวกรรถมาก่อน เรื่องนี้จุดไต้ตำตอมาก
จากกรณีกองกำลังผาเมืองร่วมกับ ป.ป.ส. ภาค 5 และเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่จังหวัดเชียงราย เข้าทำการตรวจค้นรถบรรทุกสีเขียวลักษณะคล้ายรถทหารน่าสงสัยตามแหล่งข่าว ก่อนที่ชายปริศนา 2 รายในรถจะชักอาวุธปืนออกมายิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ สุดท้ายฝั่งคนร้ายถูกยิงบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งโรงพยาบาล และทำการตรวจค้นต่อจนพบว่า มียาไอซ์ ประมาณ 1,400 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ภายในรถ
ด้าน พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ระบุว่า รถบรรทุกดังกล่าวถูกดัดแปลงมา ไม่พบชื่อผู้ครอบครองและไม่มีข้อมูลอยู่ในระบบของกรมการขนส่งทางบก รวมถึงป้ายกงจักรหมายเลข 15875 ก็พบว่าเป็นป้ายทะเบียนของรถทหารที่ถูกจำหน่ายออกจากระบบไปแล้ว แต่ถูกนำมาสวมทะเบียนเพื่ออำพรางการกระทำความผิด

ล่าสุด (8 มี.ค.) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) โพสต์เฟซบุ๊กตั้งข้อสงสัยถึงที่มาที่ไปของรถบรรทุกข้างต้นในฐานะที่เคยเป็นวิศวกรบริษัทรถยนต์ว่า “จากข่าวที่บอกว่า ไม่พบชื่อผู้ครอบครอง และไม่มีข้อมูลอยู่ในระบบของกรมการขนส่งทางบก เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจมาก ปกติแล้วเป็นไปไม่ได้นะครับ ที่จะสอบกลับอะไรไม่ได้เลย
เรื่องนี้จุดใต้ตำตอมากครับ เนื่องจากผมเคยทำงานเป็นวิศวกรควบคุมคุณภาพที่บริษัท อีซูซุมอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ IMCT มาก่อน เข้าใจว่ากระบวนการตรวจสอบที่โรงงานผลิต และระบบการขาย น่าจะสามารถตรวจสอบข้อมูลของรถคันนี้ได้นะครับ อย่างน้อยก็จะรู้ว่ารถคันนี้มีการดัดแปลง ตัดต่อตัวถังจริงหรือไม่ และแรกเริ่มเดิมทีขายไปให้กับใคร เดี๋ยว กมธ.ทหาร จะดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้ เป็นการ Cross Check ต่อไปนะครับ โดยมีกระบวนการตรวจสอบ ดังต่อไปนี้
1. กมธ.ทหาร จะขอเลขตัวถัง หรือ Vehicle Identification Number (VIN) 17 หลัก และเลขเครื่องยนต์ของรถคันดังกล่าว และทำหนังสือสอบถามไปยังบริษัทตรีเพชร อีซูซุเซลส์ จำกัด เพื่อตรวจสอบว่ารถของกลางคันนี้มีการดัดแปลงตัดต่อตัวถัง หรือไม่ และขายรถคันนี้ไปให้กับใคร
2. กมธ.ทหาร จะทำหนังสือขอให้กรมขนส่งทางบกตัวจสอบอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่งว่ารถคันดังกล่าวนี้ ไม่มีในฐานข้อมูลของกรมการขนส่งทางบกจริงๆ หรือ เพราะปกติแล้วถ้าเป็นรถยนต์ที่วิ่งบนถนนหลวงได้ ก็ต้องจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก ยกเว้นเฉพาะรถของทหาร เท่านั้น
3. กมธ.ทหาร จะทำหนังสือถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของคดี เพื่อสอบถามถึงเพลาของตัวรถ ว่าเป็นรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ หรือขับเคลื่อน 2 ล้อ เพราะปกติถ้าเป็นรถที่ใช้ในกิจการของพลเรือน หรือเอกชน รถรุ่นนี้มักจะเป็นระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ เสียเป็นส่วนใหญ่ ถ้าเป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ก็มีข้อสงสัยว่าอาจจะเป็นรถที่ใช้ในภารกิจทางการทหาร
เรื่องนี้ยังด่วนสรุปโทษใครไม่ได้นะครับ เดี๋ยวผมจะขอให้ กมธ.ทหาร ตรวจสอบยืนยันโดยละเอียดก่อนครับ”

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก FB : Wiroj Lakkhanaadisorn – วิโรจน์ ลักขณาอดิศร
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- รวบตัวแหม่ม ลอบขนไอซ์ 4.3 กก. ซุกกระเป๋า ที่สนามบินภูเก็ต เตรียมไปเกาหลีใต้
- อดีตนักมวยเมายาบ้า คลั่งรำมวยทั้งคืน ร้อยเวรผวาเตะกำแพงพัง สิ้นฤทธิ์รุ่งสาง
- เกมเฉย ตำรวจรวบตัวการใช้ “ทริปน้ำไม่อาบ” บังหน้า ค้ายาบ้ากว่า 15 ล้านเม็ด