นโยบายคลังบิตคอยน์สำรอง ของโดนัลด์ ทรัมป์ ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ 2024 หนุนให้เหรียญคริปโตพุ่งสูงท่ามกลางกระแสการเลือกตั้ง
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2024 ได้จุดประกายความหวังและความหวั่นวิตกในหมู่ผู้ลงทุนคริปโต โดยเฉพาะเหรียญบิตคอยน์ซึ่ง ได้ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ $75,000 จะเท่ากับประมาณ 2,700,000 บาท (อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ = 36 บาท) สร้างความตื่นเต้นในตลาดการเงินและกลายเป็นประเด็นสำคัญของนักลงทุนทั่วโลก
การปรับตัวขึ้นของราคานี้มาจากการคาดการณ์ของตลาดที่ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ อาจกลับมานั่งตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้ง ซึ่งนักลงทุนจำนวนมากมองว่าเขาจะผลักดันให้เหรียญคริปโตมีทิศทางที่สดใสขึ้น
เหรียญคริปโต โดยเฉพาะบิตคอยน์ ได้เติบโตขึ้นเป็นอย่างมากในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยในปี 2020 เหรียญนี้ทำผลตอบแทนหลังการเลือกตั้งได้สูงถึง 145% ในระยะเวลาเพียง 90 วัน การปรับขึ้นดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเดียวกับที่บิตคอยน์มีการลดรางวัลการขุด หรือที่เรียกว่า “Bitcoin Halving” ซึ่งช่วยกระตุ้นราคาจากการลดจำนวนเหรียญในระบบและสร้างแรงดึงดูดให้นักลงทุนเข้ามามากขึ้น
นอกจากนี้ นโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ก็มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นราคาคริปโตและสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนว่าเหรียญดิจิทัลอาจเป็นทางเลือกสำหรับการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น
นโยบายของทรัมป์ในปี 2024 กับคริปโต
นโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ในปี 2024 ได้รับการวางแผนมาเพื่อกระตุ้นอุตสาหกรรมคริปโตโดยเฉพาะ โดยทรัมป์มีแนวคิดที่จะจัดตั้ง “คลังบิตคอยน์สำรอง” (Strategic Bitcoin Stockpile) ซึ่งเขามองว่าจะช่วยเสริมฐานะการคลังของประเทศ นอกจากนี้ ทรัมป์ยังมีแนวคิดที่จะใช้บิตคอยน์เป็นสินทรัพย์สำรองของประเทศ ซึ่งเป็นการลดการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐ ท่ามกลางความกังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น
ทรัมป์ยังมีแผนที่จะยกเลิกนโยบาย “Operation Chokepoint 2.0” ที่ปิดกั้นการเข้าถึงบริการทางการเงินสำหรับธุรกิจคริปโต โดยเขาเชื่อว่าคริปโตสามารถสร้างงานและเสริมเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ได้ นอกจากนี้ เขายังมีท่าทีสนับสนุนการขุดคริปโต (cryptocurrency mining) และตั้งเป้าที่จะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้เอื้อต่ออุตสาหกรรมนี้ โดยเชื่อว่าการสนับสนุนดังกล่าวจะช่วยสร้างรายได้และการจ้างงานเพิ่มขึ้น
ทรัมป์ยังแสดงความกังวลต่อการพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDCs) โดยเขาเห็นว่าอาจเป็นการเพิ่มอำนาจของรัฐบาลในการควบคุมการเงิน ซึ่งอาจกระทบต่อเสรีภาพของประชาชนในการทำธุรกรรมทางการเงิน
การวิเคราะห์และแนวโน้มที่อาจเกิดขึ้น
นักวิเคราะห์จากหลายฝ่ายมองว่า หากทรัมป์ชนะการเลือกตั้งปีนี้ ราคาบิตคอยน์และคริปโตโดยรวมอาจพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง โดยไรอัน ราสมุสเซ่น (Ryan Rasmussen) หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ Bitwise Asset Management กล่าวว่า “หากทรัมป์ชนะ เราอาจได้เห็นราคาบิตคอยน์ทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง” ขณะที่หากกมลา แฮร์ริส (Kamala Harris) ชนะ นักลงทุนบางส่วนคาดว่าราคาอาจปรับลดลงในระยะสั้นแต่จะฟื้นตัวได้ในระยะยาว
การเลือกตั้งในปี 2024 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในวงการคริปโต เนื่องจากนักลงทุนมองว่าการเลือกตั้งนี้อาจเป็นปัจจัยหนุนที่ทำให้บิตคอยน์กลับมาเติบโตอีกครั้ง หากมีนโยบายที่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมคริปโตในสหรัฐฯ นักลงทุนหลายคนรอคอยการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายและมีการเตรียมพร้อมที่จะปรับพอร์ตการลงทุนตามทิศทางของผลการเลือกตั้ง
อย่างไรก็ตาม ด้วยความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้ง ตลาดคริปโตจึงอาจมีความผันผวนสูงในระยะสั้น นักลงทุนและเทรดเดอร์ต่างเฝ้ารอผลลัพธ์ที่จะส่งผลต่อทิศทางของอุตสาหกรรมคริปโตทั้งในด้านบวกและด้านลบ แต่สิ่งที่แน่นอนคือ ไม่ว่าจะเป็นทรัมป์หรือแฮร์ริส ชนะ การเติบโตของคริปโตจะยังคงเป็นที่น่าจับตาดูต่อไป
อ้างอิง: CNBC
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง