เปิดตำนานตะเกียงฟักทองฮาโลวีน ลัญลักษณ์แห่งความตาย และการไล่ผีที่ขาดไม่ได้ เผยที่มาความเชื่อ แจ็กโอแลนเทิร์น ทำไมถึงต้องเป็น ฟักทอง หน้าตาน่ากลัวด้วย?
เมื่อถึงวันฮาโลวีน หนึ่งในสัญลักษณ์ยอดฮิต นอกจากผี แมงมุม ใยแมงมุม ค้างคาว ก็คือ ฟักทองฮาโลวีน หรือตะเกียงฟักทองที่แกะสลักเป็นรูปหน้าผีนั่นเอง หลาย ๆ คนคงสงสัยว่าทำไมต้องเอาฟักทองมาทำตะเกียง แล้วสิ่งนี้ทำไมถึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของวันฮาโลวีน เดอะไทยเกอร์จะพาไปย้อนตำนาน ซึ่งมีเล่าไว้ 2 ตำนานด้วยกัน
ตำนานไอริช แจ็กโอแลนเทิร์น
ตำนานตะเกียงฟักทอง หรือ Jack-o’-lantern เป็นเรื่องเล่าพื้นบ้านของชาวไอริช ในช่วงราว ๆ ศตวรรษที่ 18 เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับชายขี้เมา ชื่อ แจ็ค (Stingy Jack)
เล่ากันว่าแจ็คเป็นคนเจ้าเล่ห์ ขี้งง และขี้โกงจนชาวบ้านพากันเหนื่อยหน่าย และตั้งฉายาให้ว่า “แจ็คจอมงง” หรือ “แจ็คผู้ชั่วช้า” ความชั่วของแจ็คทำให้เหล่าซาตานจะมาพาวิญญาณของเขาไปลงนรกอยู่หลายครั้ง แต่ด้วยความเจ้่เลห์แจ็คก็ปั่นหัวและทำให้ซาตานต้องยอมแพ้กลับไปทุกครั้ง
วันหนึ่งเขาหลอกล่อปีศาจตนหนึ่งขึ้นไปบนต้นไม้ แล้วเขียนกากบาทไว้ที่โคนต้นไม้ ทำให้ปีศาจลงมาไม่ได้ แจ็คจึงทำข้อตกลงกับปีศาจ ว่าจะลบกากบาทออก ให้ปีศาจลงมาได้ ถ้าปีศาจสัญญาว่าจะไม่เอาชีวิตเขาไป ปีศาจตกลง แจ็คจึงลบกากบาทให้
หลายปีต่อมา แจ็คเสียชีวิตลง แต่เขาทำบาปไว้มากมาย สวรรค์จึงไม่ต้อนรับวิญญาณของเขา เขาจึงไปที่นรก แต่ปีศาจก็ไม่ยอมให้เขาเข้า เพราะเคยสัญญา ว่าจะไม่เอาชีวิตเขาไป
วิญญาณของแจ็คจึงต้องเร่ร่อน อยู่บนโลกมนุษย์ ท่ามกลางความมืดมิด มีเพียง “ถ่านไฟ” ก้อนหนึ่ง ที่ ปีศาจโยนให้เพื่อส่องสว่าง แจ็คจึงนำถ่านไฟใส่ไว้ใน “หัวผักกาด” ที่เขาควักไส้ออกเพื่อทำเป็น ตะเกียงส่องทาง
เหล่าชาวบ้านมีความเชื่อว่า เมื่อไหร่ที่เห็นแสงไฟริบหรี่อยู่ในความมืด อาจจะเป็นแสงไฟจากวิญญาณเร่ร่อนของแจ็คก็เป็นได้ จากนั้นต่อมา ชาวบ้านจึงให้ชื่อกับดวงไฟดวงนั้นว่า Jack of the Lantern หรือ ตะเกียงของแจ็ค หลังจากนั้นก็ค่อยๆ เพี้ยนมาเป็น Jack O’Lantern
อย่างไรก็ตาม เรื่องเล่าเกี่ยวกับ Jack O’Lantern นั้นสร้างความหวาดกลัวให้กับชาวบ้านจำนวนมาก ดังนั้นเหล่าชาวบ้านจึงเริ่มคิดวิธีป้องกันวิญญาณของแจ็ค ด้วยการนำตะเกียงที่ทำจากหัวผักต่าง ๆ มาวางไว้ตามหน้าต่างและหน้าบ้าน เพราะเชื่อว่าจะขับไล่แจ็คและวิญญาณร้ายต่าง ๆ จนกลายเป็นวัฒนธรมสืบต่อกันมาเรื่อย ๆ จนถึงปัจจุบัน
หลังจากชาวไอริชและชาวสก็อตแลนด์ อพยพย้ายถิ่นไปยังสหรัฐอเมริกา ก็ได้นำเอาวัฒนธรรมการจุดตะเกียงหน้าปิศาจนี้ไปเผยแพร่ด้วย จนกลายมาเป็นเทศกาลฮาโลวีนอย่างเช่นในปัจจุบัน และได้มีการเปลี่ยนจากหัวผักกาดเป็นฟักทอง อย่างที่เห็นในปัจจุบัน
ตำนานเคลติก วันซัมเฮน
ตำนานนี้เป็นตำนานที่เกี่ยวข้องกับวันสุดท้ายของฤดูกาลเก็บเกี่ยวหรือที่เรียกกันว่าวันซัมเฮน (Samhain) ซึ่งเป็นประเพณีของชาวเคลต์ หรือเคลติก (Celtic) ซึ่งอาศัยอยู่ทางตอนกลางของยุโรป
มีความเชื่อกันว่าในวันนี้ เป็นวันที่ช่วงเวลาบนโลกมนุษย์มีความทับซ้อนและเข้าใกล้กับโลกหลังความตายมากที่สุด ชาวบ้านเกิดความกลัวว่าเหล่าวิญญาณร้ายอาจแฝงตัวท่ามกลางเหล่ามนุษย์
ชาวเคลต์จึงคิดหาวิธีโดยการให้ทุกคนแต่งตัวเป็นผี เพื่อเป็นอุบายหลอกให้เหล่าภูติผีแยกไม่ออกว่าคนไหนคือมนุษย์ และจุดตะเกียงเพื่อปัดเป่าวิญญาณ
แต่ในยุคนั้นสินค้าที่ทำจากโลหะมีราคาสูง และตะเกียงก็ทำมาจากโลหะ จึงเป็นสาเหตุให้ชาวบ้านต้องประหยัดงบ แต่ด้วยความที่ช่วงนั้นเป็นฤดูเก็บเกี่ยว ชาวเคลต์จึงหันมาใช้พืชผักที่หาง่ายแทน อาทิ มันฝรั่ง หัวผักกาดเทอร์นิพ และฟักทอง นำมาแกะสลักให้เป็นใบหน้าของปีศาจและนำมาทำเป็นตะเกียงนั่นเอง
อ้างอิง: history.com
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ประวัติวันฮาโลวีน 31 ตุลาคม เทศกาลปล่อยผี เคาะประตูเล่นทริกออร์ทรีต
- 31 ต.ค.นี้ ‘งานฮาโลวีน’ ณ ข้าวสาร สาดความหลอนทั้งถนน มุ่งปั้นเป็นงานประจำถิ่น
- แจกพิกัด ที่เที่ยวฮาโลวีน 2567 กรุงเทพ รวมครบทุกแนว งานไหนเข้าฟรีบ้าง