คาหนังคาเขา บริษัทรถบัสไฟไหม้ หนีนัด แอบนำรถไปถอดถังแก๊ส
จับได้คาหนังคาเขา บริษัทรถบัสไฟไหม้ หนีนัดหมายตรวจสอบสภาพรถ ตาม GPS ไปเจอกำลังเอารถ 5 คันไปถอดถังแก๊สที่ติดตั้งเกินกำหนด
นายชยธรรม พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม และนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก แถลงข่าวความคืบหน้ากรณีเกิดอุบัติเหตุรถบัสทัศนศึกษาไฟไหม้ บริเวณหน้าเซียร์รังสิต ถนนวิภาวดี หน้าอนุสรณ์สถาน เป็นเหตุให้ครูและนักเรียนเสียชีวิต 23 ศพ ตามที่มีรายงานไปก่อนหน้านี้
นายจิรุตม์ ตั้งโต๊ะแถลงเมื่อวันที่ 3 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยระบุว่า หลังจากกระทรวงคมนาคมออกมาตรการเร่งด่วนให้กรมการขนส่งทางบกตรวจสอบสภาพรถประเภท NGV ที่ใช้ถังแก๊ส CNG ทั้งหมด 13,426 คันทั่วประเทศ หากพบว่ารถไม่ผ่านการตรวจสภาพจะถูกยึดใบอนุญาตรถทันที
มีรายงานจากสำนักขนส่งจังหวัดลพบุรีว่า รถโดยสารของคุณปนิศรา ผู้ประกอบการจาก จ.สิงห์บุรีที่เกิดอุบัติเหตุ จะเข้าตรวจสภาพในวันนี้ที่สำนักงานขนส่งลพบุรีเพราะมีเครื่องมือพร้อมกว่า ไม่ได้นำรถที่มีอยู่รวมทั้งรถของเครือญาติจำนวน 5 คัน แต่เดิมมี 6 คัน เกิดอุบัติเหตุไฟไหม้ไป 1 คัน มาตรวจสอบตามที่นัดหมายไว้ในเวลา 14.00 น. ของวันนี้
โดยเจ้าของรถได้ผ่อนผันและไม่ได้นำรถมาตรวจตามที่นัดหมายไว้ เมื่อติดตาม GPS ที่ติดอยู่กับรถทั้ง 5 คัน พบว่ารถโดยสารทั้งหมดของผู้ประกอบการรายดังกล่าวและเครือข่ายอยู่ที่อู่ซ่อมรถเอกชนในจ.นครราชสีมา จึงได้สั่งการให้สำนักงานขนส่งจังหวัดนครราชสีมาลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่ารถโดยสารทั้ง 5 คันดังกล่าวอยู่ระหว่างการถอดถังแก๊สที่ติดตั้งเกินจากที่แจ้งจดทะเบียนไว้ออกจากรถ
พฤติกรรมดังกล่าวเป็นการแสดงเจตนาที่จะปกปิดความผิดจากดัดแปลงรถโดยไม่ได้รับอนุญาต อาจส่งผลให้เกิดความไม่ปลอดภัยในการใช้งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดัดแปลงระบบก๊าซ ซึ่งส่งผลให้รถโดยสารมีน้ำหนักเกินสมรรถนะ อีกทั้งมีความเสี่ยงอาจเกิดการรั่วไหลของก๊าซจากการติดตั้งระบบก๊าซที่ไม่ถูกต้อง และไม่ได้ผ่านการตรวจสอบจากวิศวกรหรือหน่วยงานที่กรมการขนส่งทางบกรับรอง ทั้งนี้กรมการขนส่งทางบกได้มีการลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเพื่อรวบรวมส่งพนักงานสอบสวนในการดำเนินคดีต่อไป
ขณะที่นายชยธรรม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมได้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณามาตรการเชิงป้องกันการให้บริการขนส่งสาธารณะ โดยมีนายวิทยา ยาม่วง รองปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน เพื่อหาข้อเท็จจริงสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุไฟไหม้รถโดยสารทัศนศึกษาในครั้งนี้ ว่าเกิดจากสาเหตุใดกันแน่ เพื่อปรับปรุงไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำในระยะยาว รวมทั้งหามาตรการป้องกันโดยเฉพาะรถโดยสารที่ใช้กับเด็กที่จะต้องมีมาตรการที่เข้มงวดมากกว่า ซึ่งเมื่อมีคำสั่งออกมาแล้ว คณะกรรมการชุดนี้จะเริ่มทำงานทันที เพื่อกำหนดมาตรการแรกออกมาใช้กับรถโดยสารประจำทางและไม่ประจำทางภายใน 15 วันนับจากนี้ และถ้ามีผลการศึกษาออกมาว่ารถโดยสารประจำทางและไม่ประจำทางที่ใช้แก๊สมีอันตรายจะต้องมาพิจารณากันว่ามันเหมาะสมหรือไม่ ภายใน 15 วัน จะได้คำตอบ ซึ่งจะรายงานให้สื่อมวลชนและพี่น้องประชาชนได้รับทราบต่อไป
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง