ด่วน! ศาลยกฟ้อง ‘ม็อบพันธมิตร’ ชุด 2 คดีปิดล้อมสนามบินดอนเมือง ปี 51
ศาลยกฟ้อง ม็อบพันธมิตร ชุด 2 คดีปิดล้อมสนามบินดอนเมือง ปี 51 ไล่ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ชี้ชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธไม่เป็นความผิดฐานร่วมกันก่อการร้าย
จากกรณีที่ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ อดีตโฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และสมาชิกกลุ่มพันธมิตรคนอื่น ซึ่งเป็นจำเลยในคดีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยปิดล้อมสนามบิน ในช่วงระหว่างวันที่ 24 พฤศจิกายน-3 ธันวาคม 2551 เดินทางมายังศาลอาญาเพื่อเข้ารับฟังคำพิพากษาในคดีดังกล่าว
โดยเป็นจำเลยถูกตั้งข้อหาความผิดฐานร่วมกันทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันไม่ใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ เพี่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในแผ่นดินหรือรัฐบาล โดยใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้เกิดความปั่นป่วน กระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน, ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ
ร่วมกันเข้าไปรบกวนการครอบครอง เข้าไปซ่อนตัวในอาคารสำนักงานของผู้อื่นและไม่ยอมออกไปจากสถานที่นั้น โดยใช้กำลงประทุษร้าย, ร่วมกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ฝ่าฝืนคำสั่งของหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 เพื่อกดดันให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีขณะนั้นลาออกจากตำแหน่ง
ล่าสุดศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว เห็นว่าพวกจำเลย เป็นกลุ่มผู้ชุมนุมมาจากหลายอาชีพ ทั้งศิลปิน นักร้อง ดารา สื่อมวลชน อดีตเอกอัคราชทูต มาชุมนุม เพื่อคัดค้านการดำรงตำแหน่งนายกฯของนายสมชาย ซึ่งเป็นน้องเขยของนายทักษิณ ชินวัตร มีการทุจริตเชิงนโยบาย และศาลฎีกาแผนกอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้พิพากษาจำคุกนายทักษิณ หลายคดี
โดยเป็นการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ ชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธไม่เป็นความผิดฐานร่วมกันก่อการร้าย ฐานชุมนุมก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ มาตรา 116 และพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ไม่ผิดฐานหน่วงเหนี่ยวกักขัง และข่มขืนใจผู้อื่น จึงมีคำพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งหมดทุกข้อหา
สำหรับคดีนี้ถูกแยกดำเนินคดีออกเป็น 2 ชุด โดยชุดแรกที่ศาลตัดสินในวันที่ 17 มกราคม ที่ผ่านมา ศาลได้พิพากษาให้แกนนำประกอบด้วย พลตรีจำลอง ศรีเมือง, สนธิ ลิ้มทองกุล, พิภพ ธงไชย, สมศักดิ์ โกศัยสุข, สุริยะใส กตะศิลา, ศิริชัย ไม้งาม, สำราญ รอดเพชร, มาลีรัตน์ แก้วก่า, สาวิทย์ แก้วหวาน, สันธนะ ประยูรรัตน์, ชนะ ผาสุกสกุล, รัชต์ชยุตม์ หรือ อมรเทพ หรือ อมร ศิริโยธินภักดี หรือ อมร รัตนานนท์ และบริษัท เอเอสทีวีกระทำความผิดฐานบุกรุกและฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทหนักสุดคือความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 พิพากษาให้ลงโทษปรับคนละ 20,000 บาท
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง