หญิงคนหนึ่งถูกล็อคล้อ สแกนจ่ายค่าปรับ ก่อนจะพบว่าเงินเข้าบัญชีส่วนตัวตำรวจ แถมใบสั่งคนละข้อหา ด้านตำรวจสั่งสอบแล้ว
น.ส.อรนินทร์ (สงวนนามสกุล) ได้ร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนว่า เมื่อช่วงวันที่ 11 มี.ค. ตนไปจอดรถริมถนน บริเวณปากซอยทองหล่อ 1 ซึ่งปกติแล้วตนไปจอดทำธุระบริเวณดังกล่าวเป็นประจำ และไม่เคยถูกตำรวจล็อคล้อมาก่อน จนกระทั้งวันเกิดเหตุโดนล็อคล้อ โดยตนยอมรับว่าผิดจริง จึงติดต่อตำรวจตามเบอร์ที่ให้ไว้ในใบสั่งที่แปะหน้ารถ
น.ส.อรนินทร์ เล่าว่าเมื่อเธอโทรไป ก็พยายามสอบถามเจ้าหน้าที่ว่า ต้องจ่ายเท่าไหร่ เพราะจะได้ไปกดเงิน เนื่องจากตอนนั้นไม่มีเงินสดติดตัวเลย แต่ตำรวจปลายสายกลับไม่บอกราคากลับมา เมื่อไปถึง สน.ทองหล่อ ตนรอประมาณ 20 นาที เพราะก่อนหน้าตนมีชายต่างชาติกำลังคุยกับตำรวจอยู่
จากนั้นไม่นาน ตำรวจก็เรียกตนเข้าไปคุย ซึ่งตอนนั้นตำรวจก็ได้มีการอธิบายข้อหาและราคา รวมถึงการตัดแต้ม ซึ่งตอนนั้นตำรวจพูดเร็วและรัว จนตนฟังไม่ทัน และพูดรวมราคามาว่า ต้องจ่ายค่าปรับ 1,400 บาท ก่อนจะยื่นข้อเสนอมาว่า ถ้าเอาข้อหานี้ จะไม่ถูกตัดแต้ม และจะลดราคาให้ 400 จ่ายแค่ 1,000 บาท
ด้วยความที่ ฟังไม่ทันและไม่ได้คิดอะไร อีกทั้ง รถคันดังกล่าวเป็นรถของแม่อีกด้วย ประกอบกับตอนนั้นตนรีบมาก เพราะต้องไปทำธุระต่อ จึงถามกลับไปว่า “ต้องจ่าย 1,000 บาทใช่ไหมคะ แสกนจ่ายได้ไหม เพราะไม่มีเงินสด” ตำรวจตกลง และหยิบคิวอาร์โค้ด ในลิ้นชักออกมา ให้ตนจ่าย ก่อนจะยื่นใบเสร็จมาให้ จากนั้นตนก็ออกไปทำธุระ
ผลปรากฎเมื่อตนหยิบใบเสร็จมาดูพบว่า ข้อหาที่ตนจ่ายไปนั้น ไม่ใช่ข้อหาที่แปะหน้ารถตอนแรก ในข้อหาที่ถูกล็อกล้อ แต่ในใบเสร็จกลับเขียนข้อหา ไม่มีใบอนุญาตขับรถเพื่อแสดงต่อเจ้าพนักงานและไม่มีสำเนาคู่มือจดทะเบียนรถแสดงต่อเจ้าหน้าที่ ซึ่งตนยืนยันว่า ตลอดเวลาที่คุยกับตำรวจทั้งในโทรศัพท์และที่ สน. ไม่มีใครขอบัตรประชาชนและใบขับขี่ตน เพื่อไปตรวจสอบเลย อีกทั้ง ตนยังตั้งข้อสังเกตว่าบัญชีที่ตนโอนเงินไปเป็นชื่อของตำรวจไม่ใช่ชื่อของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
เบื้องต้นผู้สื่อข่าวได้ติดต่อ พงต.ท.ศักดิ์ หมู่ธิมา รองผกก.จราจร สน.ทองหล่อ ซึ่งทาง พงต.ท.ศักดิ์ ระบุว่าตนจะตรวจสอบข้อเท็จจริงในทุกกรณีที่เกิดขึ้น พร้อมยืนยันว่าหากสแกนจ่ายค่าปรับจะต้องเป็นบัญชีสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือแอพพลิเคชั่นเป๋าตังเท่านั้น
อัยการยื่นฟ้อง ‘แยม ธมลพรรณ์’ ข้อหาเปิดเว็บพนันออนไลน์-เว็บโป๊
