พนักสอบสวนแจ้งข้อหา 6 ตำรวจรีดเงินดาราสาวไต้หวัน ผิด ม.149 หลังสอบปากคำหนุ่มสิงคโปร์และพบว่าข้อมูลสอดคล้องกัน โทษหนักสุดประหารชีวิต
พนักงานสอบสวนในคณะทำงานของการดำเนินคดีตำรวจ จาก สน.ห้วยขวาง ที่เกี่ยวข้องกับกรณีรีดเงินดาราสาวไต้หวัน อันยู๋ชิง ได้เตรียมคุมตัว 6 ข้าราชการตำรวจ ไปทำการฝากขังต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง หลังพนักงานสอบสวน ได้ทำการสอบปากคำผู้เสียหายในคดี ที่เป็นผู้จ่ายเงินให้กับทางตำรวจและผู้เสียหายได้มีการชี้ตัวตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการรับเงินในครั้งนี้ได้ 6 นาย
เบื้องต้นพนักงานสอบสวน จึงมีการแจ้งข้อหาความผิดตามมาตรา 149 หรือ ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี ถึง 20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต ปรับตั้งแต่ 1 แสน ถึง 4 แสนบาท หรือ ประหารชีวิต
สำหรับรายชื่อตำรวจ สน.ห้วยขวาง ที่โดนตั้งข้อหารีดเงินดาราสาวไต้หวัน 6 นาย ครั้งนี้ได้แก่
1.ร้อยตำรวจเอก ยอดฤทธิ์ ลางดุลเสน รองสารวัตรป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง
2.ร้อยตำรวจเอก ปฏิภาณ ศิริชัยวัฒนา รองสารวัตรอำนวยการ สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง
3.ดาบตำรวจ กฤษฎา คำมะนา ผู้บังคับหมู่ ทำหน้าที่ปฏิบัติการป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง ในวันเกิดเหตุ มีปากเสียงกับผู้เสียหาย
4.สิบตำรวจเอก เฉลิมชัย ศิริวังโส ผู้บังคับหมู่ ทำหน้าที่ปฏิบัติการป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง ในวันเกิดเหตุ ทำหน้าที่คัดเลือกรถเหยื่อ
5.สิบตำรวจเอก วัชรนนท์ ขาวยอง ผู้บังคับหมู่ ทำหน้าที่ปฏิบัติการป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจนครบาลหัวยขวาง ในวันเกิดเหตุ มีปากเสียงกับผู้เสียหาย
6.สิบตำรวจเอก นันทวัชร์ สุวรรณา ผู้บังคับหมู่ ทำหน้าที่ผู้ช่วยพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง ในวันเกิดเหตุ เป็นผู้ที่อยู่นอกเครื่องแบบที่มีการเรียกรับเงิน กับทางผู้เสียหายสิงคโปร์
ส่วนดาบตำรวจ อธิเวช จุลพันธ์ ผู้บังคับหมู่ ทำหน้าที่ปฏิบัติการป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง ที่ปรากฏใน 7 รายชื่อ ที่ถูกสั่งให้ช่วยราชการ ไม่พบว่ามีรายชื่อที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหา เนื่องจากในขณะเกิดเหตุไม่อยู่ ออกไประงับเหตุนอกพื้นที่
การแจ้งข้อหาในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ ที่ทางกองบังคับการสืบสวนสอบสวนรวบรวมข้อมูล รวมถึงการสอบปากคำผู้เสียหายสกาย หนุ่มสิงคโปร์ พบว่ามีความสอดคล้องกันกับข้อมูลที่รวบรวมมาได้ จึงทำให้มีการแจ้งข้อหาได้
