กินอาหารตามกรุ๊ปเลือด ลดน้ำหนัก ทานง่ายไม่ต้องอด
คนอยากผอมต้องรู้ วิธีการกินอาหารตามกรุ๊ปเลือด เพื่อลดน้ำหนัก ปรับใช้ได้กับทุกหมู่เลือด ไม่ว่าจะเป็น O, A, B และ AB ซึ่งเป็นหนึ่งในเทรนด์ที่สายเฮลตี้หลายคนกำลังนิยม เนื่องจากเลือดแต่ละกรุ๊ปมีสารเคมีที่แตกต่างกันออกไป ทำให้เราต้องเลือกทานอาหารที่เข้ากับแอนติเจนกรุ๊ปเลือดของตัวเอง เพื่อให้เกิดความสมดุลต่อร่างกาย จนกลายมาเป็นทริคการลดน้ำหนักเพื่อสุขภาพที่ทำได้ ไม่ว่าจะทานอาหารที่บ้านหรือนอกบ้าน
แจกทริคทานอาหารตามกรุ๊ปเลือด เพื่อสุขภาพ
แพทย์ธรรมชาติบำบัดยอดเยี่ยมจากอเมริกา ปี 1990 Dr.Perer J.D’Adammo ได้เขียนในหนังสือเรื่อง Eat Right for your Type เกี่ยวกับร่างกายมนุษย์ที่มีสารเคมีในเลือดที่ต่างกันเอาไว้ว่า อาหารแต่ละชนิดมีโปรตีน ซึ่งถือเป็นอนุมูลอิสระ ทั้งยังสามารถเกาะติดเลือด ทำให้ถ้าทานอาหารที่ไม่เหมาะสม จะเกิดการรบกวนการย่อยอาหารของร่างกาย
สอดคล้องกับที่ คุณสุวิมล สุธีโสภณ ผู้เชี่ยวชาญด้าน blood type cuisine ได้แนะนำว่าการทานอาหารตามกรุ๊ปเลือด เป็นการลดน้ำหนักที่ไม่ทรมาน โดยจะเน้นเลี่ยงทานของที่ห้าม แล้วแทนที่ด้วยการทานของที่มีประโยชน์ ทำให้น้ำหนักลดลงได้ ซึ่งเราได้ถือโอกาสนี้ รวบรวมเอาลักษณะอาหารที่เหมาะกับแต่ละกรุ๊ปเลือดมาฝากกัน ดังนี้
เลือดกรุ๊ปเอ (A) เน้นทานผักและปลา
กรุ๊ปเอถือเป็นหมู่เลือดที่ต้องดูแลตัวเองเป็นพิเศษ เพราะมีระบบภูมิคุ้มกันร่างกายที่ไม่แข็งแรงนัก มีโอกาสที่จะเป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจและมะเร็งง่าย ทั้งยังมีกรดในกระเพาะที่ค่อนข้างจะต่ำ เกิดปัญหาในการย่อยอาหารบ่อยครั้ง
คนเลือดกรุ๊ป A จึงเหมาะที่จะทานผัก ผลไม้ และปลา เพราะเป็นอาหารที่ย่อยง่าย โดยให้เน้นทานปลาสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง เพื่อเพิ่มโปรตีนให้แก่ร่างกาย แต่ควรเลือกทานปลาชนิดที่ไม่มีเนื้อขาว เพราะจะเข้าไปรบกวนการย่อยอาหาร และอาจเสริมด้วยการเลือกทานถั่วชนิดต่าง ๆ แทน
ส่วนผลไม้ทานได้หลายอย่าง แต่ควรเลี่ยงผลไม้ผลใหญ่อย่าง แตงโม แคนตาลูป มะละกอ ทั้งยังไม่เหมาะที่จะดื่มเครื่องดื่มที่มีแก๊สอย่างเบียร์และน้ำอัดลม
เลือดกรุ๊ปบี (B) ควรหลีกเลี่ยงไก่และไข่
ชาวกรุ๊ปบี ถือเป็นหมู่เลือดที่ต้องการการดูแลกันสักหน่อย เพราะท่านมีปัญหาเรื่องอ้วนง่าย ทั้งยังมีระบบภูมิคุ้มกันที่บกพร่อง ปวดตามข้อบ่อย แถมยังมีระบบประสาทที่ไม่ค่อยดีอีกด้วย
ด้านอาหารที่เหมาะกับคนกรุ๊ปบีมีด้วยกันหลายอย่าง แต่ควรเน้นทานอาหารที่เสริมระบบภูมิคุ้มกัน อย่างเนื้อแกะ เนื้อเพะ เนื้อกวาง ไก่งวง กระต่าย ปลาแซลมอน และปลาหิมะ พร้อมกับทานผักใบเขียวและสับปะรดเยอะ ๆ จะช่วยเรื่องโรคที่เกี่ยวกับภูมิแพ้และการย่อยอาหารได้ดี
ส่วนอาหารที่ควรเลี่ยงคือ อาหารประเภทไก่และไข่ ตลอดจนมะเขือเทศ ข้าวโพด ข้าวสาลี ถั่ว และงา เพราะจำทำให้รบกวนการย่อยอาหาร ส่งผลให้แคลลอรี่เผาผลาญได้ช้าลง
เลือดกรุ๊ปโอ (O) กินได้ตามใจต้องการ
ชาวกรุ๊ปโอถือว่ามีความโชคดีในเรื่องของอาหารการกิน เนื่องจากท่านสามารถย่อยอาหารประเภทเนื้อได้ดีมาก เพราะกระเพาะมีความเป็นกรดสูง แต่จะมีปัญหาเรื่อระบบเผาผลาญและฮอร์โมนไทรอยด์ไม่คงที่ เกิดเป็นภาวะที่ทำให้อ้วนได้ง่าย
อาหารที่ชาวกรุ๊ปโอควรทาน คืออาหารทะเล เพราะจะช่วยเรื่องการป้องกันไทรอยด์และโรคเลือดไม่แข็งตัว ส่วนการทานนม เนย ไข่ สามารถทานได้ในปริมาณที่พอเหมาะ แต่ต้องระวังเรื่องระดับไขมันและโคเรสเตอรอล ทางด้านผักผลไม้ทานเกือบทั้งหมด ยกเว้นเห็ดหอม มะกอก มะเขือยาว และมันฝรั่ง
นอกจากนี้ผลไม้ที่ดีเป็นพิเศษต่อสุขภาพของคนเลือดกรุ๊ป O ก็คือเกรปฟรุตและเบอร์รี่ (ยกเว้นแบล็คเบอร์รี่) แต่ควรเลี่ยงมะพร้าว แคนตาลูป ส้ม และสตรอเบอร์รี่ เพราะจะเป็นการเพิ่มกรดให้กระเพาะมากเกินไป
เลือดกรุ๊ปเอบี (AB) เน้นมังสวิรัติและเนื้อบางชนิด
ชาวกรุ๊ปเอบีถือเป็นหมู่เลือดที่อยู่กึ่งกลางระหว่างเอและบี ทำให้รับประทานอาหารได้ค่อนข้างหลากหลาย แต่ก็จะมีข้อจำกัดอยู่พอสมควร เนื่องจากมีปัญหาด้านระบบภูมิคุ้มกันและกรดในกระเพาะที่น้อย กล่าวคือต้องเน้นทางมังสวิรัติตามเลือดกรุ๊ปเอ และทานเนื้อตามเลือดกรุ๊ปบี
ทำให้ชาวกรุ๊ปเลือดเอบี เหมาะจะทานอาหารประเภทถั่วเหลือง เต้าหู้ ตลอดจนเนื้อสัตว์หลายอย่าง อาทิ เนื้อแกะ กวาง กระต่าย และไก่งวง รวมถึงอาหารทะเลอย่าง ปลาเทราต์ ปลาซาร์ดีน ปลาเก๋า ปลาทูน่า
ทางด้านผักและผลไม้ เลือดกรุ๊ปเอบีมีข้อจำกัดในการเลือกทานหลายอย่าง โดยผักให้เน้นทานผักใบเขียว บล็อกโคลี่ แตงกวา กระเทียม ดอกกะหล่ำ ส่วนผลไม้ให้หลีกเลี่ยงการทานผลไม้เมืองร้อน เช่น มะม่วง กล้วย ฝรั่ง ส้ม และมะพร้าว เพราะย่อยยากและอาจระคายเคืองกระเพาะอาหาร แนะนำให้ดื่มไวน์แดงและชาคาโมมายล์วันละนิด จะช่วยระบบภูมิคุ้มกันได้มากขึ้น
ทั้งหมดนี้คือเทคนิคดี ๆ ในการลดน้ำหนัก ด้วยการเลือกทานอาหารตามกรุ๊ปเลือด ซึ่งสามารถทำได้ง่าย ๆ ที่บ้าน แต่ทั้งนี้ไม่ว่าจะเลือดกรุ๊ปอะไร ก็ควรที่จะออกกำลังกายควบคู่ไปกับการคุมอาหารด้วย โดยให้เน้นออกกำลังกายตามความเหมาะสม ไม่หักโหมจนเกินไปจะดีที่สุด.
อ้างอิง 1