‘หมอยง’ ตอบ ทำไมไม่ให้เอกชนนำเข้าวัคซีน
หมอยง ตอบคำถามยอดนิยมที่ถามว่า ทำไมไม่ให้เอกชนนำเข้าวัคซีน หมอยง ชี้ต้องรอจนกว่าได้ขึ้นทะเบียนเต็มรูปแบบและรับประกันความผิดชอบ
นพ.ยง ภู่วรวรรณ หรือ หมอยง หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ตอบคำถามในประเด็น การนำเข้าวัคซีนโดยภาคเอกชน ที่ในขณะนี้ยังไม่สามารถทำได้
โดยข้อความระบุว่า “ต้องเรียนว่าวัคซีนโควิดในปัจจุบัน ทั่วโลกจะขึ้นทะเบียนแบบใช้ในภาวะฉุกเฉิน EUA (Emergency Use Authorization) เกือบทั้งหมด ดังนั้นการใช้ในแต่ละประเทศ รัฐบาลของแต่ละประเทศจะต้องรับผิดชอบเอง บริษัทผู้ผลิตจึงจะไม่เจรจากับภาคเอกชนและไม่เข้ามารับผิดชอบร่วมด้วยในกรณีที่เกิดมีอาการแทรกซ้อนหรืออาการไม่พึงประสงค์
การส่งมาจำหน่ายในต่างประเทศส่วนใหญ่จึงต้องการติดต่อกับภาครัฐเท่านั้น ภาคเอกชนเมื่อติดต่อกับบริษัทผู้ผลิต บริษัทจะไม่ติดต่อด้วยจะต้องได้รับการรับรอง ร้องขอ หรือสั่งจองจากภาครัฐ หรือตัวแทนภาครัฐเช่น องค์การเภสัช หรือหน่วยงานอื่น ที่ภาครัฐมอบหมายเท่านั้น วัคซีนหลายบริษัทขณะนี้อยากขายเพราะได้ราคาดีมาก ในอนาคตหลังจากที่ประเทศทางตะวันตกได้ให้วัคซีนกับประเทศของตัวเองมากพอแล้ว วัคซีนก็จะเริ่มล้นและบริษัทก็ต้องการจะขายเอากำไร อย่างในอเมริกาตั้งเป้าการฉีดให้ได้ตามเป้าหมายภายในเดือนพฤษภาคม หลังจากนั้นปริมาณการใช้วัคซีนก็จะลดลง บริษัทที่ผลิตถึง 3 บริษัทก็ต้องการส่งออกหรือขายนั่นเอง
ดังนั้น ตามหลักความจริงแล้วภาคเอกชนจะไม่สามารถที่จะนำเข้ามาได้เลย ถึงแม้จะเป็นตัวแทนให้ทางบริษัทมาขึ้นทะเบียนกับ อย.ทางบริษัทจะไม่สนใจที่จะมาขึ้นทะเบียนถ้าภาครัฐไม่ร้องขอ บริษัทจะต้องการหนังสือรับรองแสดงเจตจำนง (Letter of Intent, LOI) จากทางภาครัฐหรือตัวแทนภาครัฐเท่านั้น จนกว่าในอนาคตที่ได้ขึ้นทะเบียนเต็มรูปแบบและรับประกันความผิดชอบแล้ว ภาคเอกชนจึงจะสามารถนำเข้ามาได้ หรือนำมาขึ้นทะเบียนได้ อย่างวัคซีนหลายชนิดที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันที่อยู่นอกแผนการให้วัคซีนแห่งชาติ เช่นวัคซีนผู้ใหญ่ป้องกันปอดบวม วัคซีนเด็ก 5 โรค 6 โรค เพราะใช้ในยามปกติอยู่แล้วและขึ้นทะเบียนได้ในภาวะปกติ
ทางออกที่จะให้ภาคเอกชนได้ร่วมจัดซื้อ ลงทุน หรือบริการวัคซีนช่วยภาครัฐได้ โดยเฉพาะพวกนายทุนใหญ่ๆที่ส่งฝากถามผมมา ภาคเอกชนจะต้องรวมตัวกันเจรจากับภาครัฐและทางฝ่ายรัฐ หรือตัวแทนภาครัฐจะต้องเป็นคนเจรจากับบริษัทวัคซีน จะต้องรับรองหรือมีเงินกองทุนรับผิดชอบ กรณีมีปัญหาของวัคซีนเช่นอาการไม่พึงประสงค์เพราะถือว่าเป็นการแบ่งเบาภาครัฐ ภาครัฐจะต้องออกหนังสือแสดงเจตจำนง (Letter of Intent, LOI) หนังสือนี้จะต้องเป็นของภาครัฐหรือตัวแทนภาครัฐเท่านั้น แสดงเจตนาต่อคู่สัญญาก่อนที่จะเซ็นสัญญาร่วมกัน ถ้าไม่มีหนังสือแสดงเจตจำนง บริษัทวัคซีนต่างๆก็จะไม่มาขึ้นทะเบียนก็เป็นไปไม่ได้ที่ภาคเอกชนจะนำเข้ามา
โดยหลักการแล้ว บริษัทใหญ่ๆนายทุนใหญ่ๆก็อยากจะช่วยเหลือภาครัฐนำเข้าวัคซีนที่เห็นเป็นข่าวอยู่เสมอ ที่ต้องการให้เศรษฐกิจฟื้นเร็ว แต่ในความเป็นจริง ภาคเอกชนหรือนายทุนที่จะช่วยเหลือ เช่นโรงงานต่างๆ สภาอุตสาหกรรม แหล่งท่องเที่ยว ถ้าทางภาครัฐไม่เข้าร่วมเจรจากับบริษัทวัคซีนแล้วก็จะเป็นการยากที่จะมีการนำเข้ามาในช่วงนี้จนกว่าจะมีการขึ้นทะเบียนในต่างประเทศแบบเต็มรูปแบบ ไม่ใช่ภาวะฉุกเฉิน
ดังนั้นหลายคนที่ถามมาว่า ทำไมภาคเอกชนที่อยากนำเข้า แต่ไม่สามารถนำเข้ามาได้ คงจะได้เข้าใจ ถ้าผมเข้าใจผิดที่กล่าวมาข้างต้น ผมก็ยินดีน้อมรับที่จะแก้ไข ข้อคิดเห็น และความถูกต้องเพื่อให้ทุกคนได้เข้าใจ”
- หมอยง เผยคนไทยไม่ต้องห่วง อาการข้างเคียงวัคซีนโควิด
- สธ. หา ‘วัคซีนโควิด’ เพิ่ม 15-20 ล้านโดส รวม 80 ล้านโดส
- โควิดไทย 8/3/64 พบผู้ป่วยเพิ่ม 71 ราย
- หมอยง ตอบ คนท้องฉีดวัคซีนโควิด ได้ไหม?