แก๊งเยาวชน ถ่ายคลิปรุมทำร้าย-แก้ผ้า ด.ญ. 12 ปี ส่งข้อความขู่ แม้อยู่สถานพินิจ
แก๊งเยาวชน ถ่ายคลิปรุมทำร้ายและแก้ผ้า เด็กหญิงวัย 12 ปี ไม่สลด ส่งข้อความขู่ ขอให้หยุดดำนเนินคดี แม้ตัวจะอยู่สถานพินิจ ครอบครัวหวั่นถูกทำร้ายซ้ำ
จากที่ก่อนหน้านี้ น.ส.วรรรณิศา อายุ 29 ปี นำตัว ด.ญ.เอ (นามสมมุติ) หลานสาวอายุ 12 ปี สาว เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน ว่าถูกผู้ต้องหาทั้ง 5 คน รุมทำร้ายร่างกาย ก่อนจะถูกจับแก้ผ้า และถ่ายคลิปไปโพสต์ประจานในเฟซบุ๊กของผู้ต้องหา เหตุเกิดเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 67 บริเวณสันเขื่อนหลังโรงเนียนสามัญ ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช
โดยในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ได้เชิญเด็กผู้หญิงทั้ง 5 คน อายุ 8 ขวบ-18 ปี มารับทราบข้อกล่าวหาในคดีทำร้ายร่างกาย หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ อย่างไรก็ตาม 1 ใน 5 ของผู้ต้องหา ซึ่งเป็นคนถ่ายคลิปอายุแค่ 8-9 ขวบ อ้างว่าถูกกลุ่มผู้ต้องหารุ่นพี่บังคับให้ช่วยถ่ายคลิป ทำให้ น.ส.วรรรณิศา ไม่ติดใจเอาเรื่อง ขอให้ตำรวจปล่อย ด.ญ.วัย 8-9 ขวบคนดังกล่าวไป ตามที่มีรายงานไปก่อนหน้านี้
ล่าสุด พ.ต.ท.เกษมสิทธิ์ จำปาทอง รอง ผกก.หัวหน้า (งานสอบสวน) สภ.ท่าศาลา และ พ.ต.ท.อภิสิทธิ์ สุวรรณรัตน์ รอง ผกก. (สอบสวน) สภ.ท่าศาลา พร้อมเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิปวีณาฯ เพื่อเด็กและสตรี ได้ร่วมสอบสวนปากคำ ผู้เสียหาย ถึงเหตุการณ์และเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด
โดยพนักงานสอบสวน ได้ติดตามตัวเด็กและเยาวชนผู้ต้องหาทั้งหา 5 คนที่ร่วมกระทำความผิด มาแจ้งข้อกล่าวหา ในเบื้องต้นทั้ง 5 คนให้การรับสารภาพว่าได้ร่วมกันกระทำผิดตามคลิปที่นำไปเผยแพร่ในโลกโซเชียล ก่อนที่พนักงานสอบสวนจะนำส่งตัวให้สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จังหวัดนครศรีธรรมราช ไว้ตั้งแต่วันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา
ผู้ต้องหาจำนวน 3 ใน 5 คนอายุ 11-12 ปีเท่านั้น ซึ่งตามกฎหมายไม่ต้องรับโทษ อย่างไรก็ตาม ทางพนักงาบสอบสวนจะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับผู้ปกครองตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก โดยการกำหนดมาตรการให้ผู้ปกครองปฏิบัติตามเงื่อนไข เพื่อให้การสงเคราะห์และคุ้มครองสิทธิและสวัสดิภาพของเด็กอายุ 10 ปี แต่ไม่เกิน 12 ปีได้รับผลดียิ่งขึ้น โดยคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นสำคัญเพื่อให้เด็กกลับตัวเป็นคนดีและเป็นประชากรที่มีคุณภาพกลับคืนสู่สังคมได้ต่อไป
ทั้งนี้ ด.ญ.เอ ได้นำแชตข้อความจากกลุ่มผู้ก่อเหตุให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ โดยพบว่าผู้ต้องหาบางคนได้แชตข้อความในลักษณะคุกคาม และขอให้หยุดดำเนินคดี แม้ตัวจะอยู่ที่สถานพินิจก็ตาม
น.ส.วรรรณิศา เผยว่า แม้ตำรวจจะคุมตัวผู้ก่อเหตุทั้งหมดส่งสถานพินิจฯ ไปแล้ว แต่ทำไมเขายังส่งข้อความแชตมาข่มขู่น้องจัสมิน ผู้เสียหายตลอด ตอนนี้น้องจัสมิน หลานสาวไปโรงเรียนตามปกติ ก็เกรงกลัวว่าจะมีคนมาดักรุมทำร้าย และอาจจะเอากันถึงตายตามที่ข่มขู่ก็ได้ และหลังจากเจ้าหน้าที่มูลนิธิปวีณา ลงมาช่วยดูแลในทางคดี ทำให้รู้สึกมั่นใจในกระบวนการและความเป็นธรรมมากยิ่งขึ้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง