รีวิว Dune: Part 2 ภาพยนตร์แอ็คชั่นไซไฟแห่งยุคสมัยอย่างแท้จริง ที่ผสมผสานการเมืองและอารมณ์ร่วมได้อย่างไร้ที่ติ คู่ควรกับการรับชมในโรงภาพยนตร์ถึงที่สุด
เปิดเรื่องย่อ Dune: Part 2
การเดินทางในตำนานของ พอล อะเทรดีส ที่รับบทโดย ทิโมธี ชาลาเมต์ ในขณะที่เขารวมตัวกับ ชานิ รับบทโดย เซนเดยา และ เหล่าเฟรเมนขณะอยู่บนเส้นทางแห่งการแก้แค้นต่อผู้สมรู้ร่วมคิดที่ทำลายครอบครัวของเขา เมื่อต้องเผชิญกับทางเลือกระหว่างความรักในชีวิตของเขากับชะตากรรมของจักรวาลที่เขารู้จัก เขาพยายามที่จะป้องกันอนาคตอันเลวร้ายที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถคาดเดาได้
รีวิว Dune: Part 2 (ไม่สปอยล์)
ต้องเกริ่นก่อนว่าเนื้อเรื่องในภาคนี้จะดำเนินเรื่องราวต่อจากในพาร์ทแรกในทันที หากเปรียบให้อย่างชัดเจนคงเป็นภาคแรกเป็นเซ็ตอัพองค์ประกอบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ตัวละคร, ความขัดแย้ง, อารมณ์ เพื่อที่จะมาจัดเต็มในภาคนี้แบบไม่มีกั๊ก
ซึ่งจะบอกว่าเลยว่าในตัวภาพยนตร์สามารถทำออกมาได้อย่างไร้ที่ติอย่างแท้จริง ผลงานชิ้นเอกของ เดอนีส์ วิลเนิฟว์ (ผู้กำกับ) สามารถสะกดผู้ชมได้อย่างยอดเยี่ยม มีความสมจริง ตรงประเด็น ไม่ยื้ดเยื้อ และคุณภาพที่ยกระดับภาพยนตร์ได้อย่างเต็มปาก
ฉากการต่อสู้ก็ทำออกมาได้ประทับใจ พร้อมใช้ประโยนชน์จากภาคแรกได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะฉากสุดท้ายที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนอยู่ในอภิมหาสงครามจริงๆ
แต่ที่ทำให้ผมรู้สึกประทับใจมากที่สุดคือ ประเด็นที่ต่างในเรื่อง อารมณ์ความรู้สึก ความเจ็บปวดของตัวละคร ความซับซ้อนของมนุษย์ และ การใช้ความศรัทธาในการขับเคลื่อน
ในส่วนของนักแสดงไม่ว่าจะเป็น ทิโมธี ชาลาเมต์, เซนเดยา, รีเบ็คก้า เฟอร์กูสัน, จอช โบรลิน, ฮาร์เวียร์ บาร์เด็ม, เดฟ เบาทิสต้า, สเตลแลน สการ์สการ์ด, ฟลอเรนซ์ พิว ได้โชว์ศักยภาพในการแสดงและสีหน้าทางอารมณ์ได้อย่างไร้ที่ติ โดยเฉพาะ ออสติน บัตเลอร์ ที่โชว์ผลงานที่สุดโรคจิต เย็นชา เยือกเย็น ได้อย่างน่าสนใจจริงๆ
สรุปคะแนนที่อยากให้จากการรับชมภาพยนตร์เรื่อง Dune: Part 2 ผมขอให้ไว้ที่ 9/10 ถือว่าเป็นภาพยนตร์ที่ทุกองค์ประกอบทำได้อย่างใกล้คำว่าไร้ที่ติ ในรอบหลายๆปี
Dune: Part 2 เข้าฉายแล้วทุกโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ อย่าได้เชื่อคำวิจารณ์จากปากคนอื่นแต่อยากให้ไปพิสูจน์ด้วยตาของทุกคนเอง ขอให้รับชมภาพยนตร์ให้สนุกครับ
อ้างอิงข้อมูลจาก : 1