ข่าว

‘บิ๊กโจ๊ก’ ลั่นมีเงินมรดกเกือบพันล้าน มีเยอะกว่าเว็บพนัน ใช้เงินส่วนตัวให้ลูกน้องทำคดี

บิ๊กโจ๊ก เผยมีเงินมรดกเกือบพันล้าน เยอะกว่าเว็บพนัน ใช้เงินส่วนตัวให้ลูกน้องทำคดี วันนี้ลาไปทำสมาธิ ส่วนเฮียแต๋มเตรียมเปิดใจ

เมื่อวานนี้ (26 ก.ย. 66) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ บิ๊กโจ๊ก รองผบ.ตร. เดินทางมาพบสมาคมชาวปักษ์ใต้ที่เดินทางมาให้กำลังใจในการทำงาน และให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ตนถูกบุกค้นบ้านพักในซอยวิภาวดี 60 และมีการจับกุมลูกน้องไป 8 นาย หลังพบว่าเอี่ยวกับพนันออนไลน์ตามที่มีรายงานไปก่อนหน้านี้นั้น

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่าบ้าน 5 หลังเป็นของเฮียแต๋ม เป็นญาติผู้ใหญ่ที่ตนให้ความเคารพนับถือ สนิทสนมกันมานาน ตั้งแต่สมัยตนเป็นสารวัตร เมื่อ 10 ปีที่แล้วเฮียเเต๋มเคยไปให้การกับป.ป.ช.ว่าเป็นผู้ให้ตนอาศัยอยู่ที่บ้าน โดยการเช่ารายเดือน เดือนละ 50,000 บาท มีการทำสัญญากันชัดเจน

โดยตนจ่ายค่าเช่าเพียง 2 หลังที่ทำสัญญาเช่าเท่านั้น ส่วนเฮียแต๋มก็รับผิดชอบจ่ายค่าส่วนกลาง เพราะมีชื่อเป็นเจ้าของบ้านจะต้องรับผิดชอบในส่วนนี้ ซึ่งข้อเท็จจริงทั้งหมดนั้น เฮียเเต๋มจะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนพร้อมทนายความในวันที่ 27 ก.ย. เชื่อว่าเฮียแต๋มจะชี้แจงได้ทุกประเด็น ยืนยันเฮียแต๋มเป็นนักธุรกิจ เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ได้มาเป็นเงินบริสุทธิ์ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเว็บพนัน

“ผมโดนมาเยอะแล้ว เราถูกหล่อหลอมให้อดทนกับความเจ็บใจ ไม่หวั่นไหวต่อความยากลำบาก และไม่ได้มากในลาภยศ” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าว

ส่วนเรื่องให้เงินลูกน้องนั้น เงินทั้งหมดที่ใช้จ่ายเป็นเงินของตน หากไปคำนวณให้ดีๆ เงินของตนจะมากกว่าเงินของเว็บพนันเยอะ วันนี้ต้องพูดเรื่องจริงกันว่าตนไม่ได้ใช้เงินจากเว็บพนัน หากตนไม่เอาเงินส่วนตัวมาใช้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเอาเงินที่ไหนมาให้ใช้ แต่คนอื่นอาจจะไม่มีความพร้อมหรือความบ้าแบบตนที่เอาเงินส่วนตัวมาทำงาน เพราะตนไม่มีลูกก็เอาเงินส่วนนี้มาใช้ในการทำงาน แล้วที่มาของเงินก็ตอบได้ทั้งหมด ซึ่งเฉพาะแม่ยายเป็นผู้จัดการมรดกก็เกือบพันล้านแล้ว

“ประเด็นหลักคือ เงินของลูกน้องเป็นเรื่องเฉพาะตัว เงินออนไลน์เป็นเรื่องเฉพาะตน ให้ไปตอบที่ไหน ผมก็ตอบได้ว่าไม่เกี่ยวข้องกับเงินส่วนนี้ ส่วนประเด็นเรื่องลูกน้อง เดี๋ยวจะต้องไปถามดูว่าติดพนันหรือเปล่า คุณเล่นเว็บพนันหรือเปล่า ไปใช้บัญชีม้าเพราะอะไร คนที่ใช้ได้ก็ต้องเอาไปใช้สำหรับในการเล่นการพนัน มองว่าถ้าเงินบริสุทธิ์ ไม่ต้องใช้บัญชีม้า”พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว

“มันเป็นความบ้าคลั่งของผมอย่างหนึ่ง ไม่มีใครกล้าทำอย่างผม ที่เสียสละเอาเงินส่วนตัวมาใช้ทำคดี เพราะผมอยากให้งานสำเร็จ ประชาชนคาดหวัง สุดท้ายคดีก็ออกมาดี สามารถจับคนผิดมาดำเนินคดีได้”พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ อธิบายอีกว่า ตนก็ให้พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ รองผกก.สส.สภ.สำโรงเหนือ เป็นคนจ่ายต่อเดือนเป็น 1,000,000 บาท แบ่งเป็นงบลับ 6 แสน ผบ.ตร.ก็รู้ ที่เหลือเป็นเงินส่วนตัว ซึ่งไม่มีใครทำแบบตนเองแล้ว แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้ลูกน้องจะออกไปทำงานอย่างไร ทั้งนี้ ไม่น้อยใจ ตัวเองโดนมาเยอะแล้ว เราถูกหล่อหลอมให้อดทนต่อความเจ็บใจ ไม่หวั่นไหวต่อความยากลำบากและเราไม่ได้มักมากในลาภผล

พร้อมยืนยันว่า เงินที่โอนไปที่แม่ตนก็เป็นเงินของตัวเอง แต่ใครเอาเงินไปพันกับเว็บพนันก็ต้องชี้แจงให้ได้ แต่ตามหลักการตนชี้แจงได้ว่าเงินมาอย่างไร เอาเงินจากที่ไหนมาทำงาน เมื่อชี้แจงที่มาของเงินได้ ลูกน้องไปเปิดบัญชีม้าไปพันกับเว็บพนันก็เป็นเรื่องที่ลูกน้องต้องไปตอบ อย่างเช่นโอนเงินเข้าไปให้ผู้การนำเกียรติ หรือผู้กำกับคนนั้นคนนี้ ถ้าไปสอบใคร ทุกคนก็จะบอกว่านายโอนมาให้ทำงาน ก็จะต้องมาสอบตนเอง ก็เพราะนายโอนมาให้ทำงาน

เงินที่ตนให้ พ.ต.ท.คริษฐ์ ไปทุกเดือนนั้น พบว่าพ.ต.ท.คริษฐ์ เกิดการชอร์ต แต่ไม่อยากจะไปพูดว่าลูกน้องติดเว็บพนันหรืออะไร ยืนยันว่าไม่ได้พัวพันทั้ง 7 คนหรอก แต่พ.ต.ท.คริษฐ์ ดึงเงินเข้าไปพัวพันในบัญชีม้า ลักษณะเงินขาดมือ จึงนำเงินที่ให้ไปหมุน ซึ่งเขาก็ต้องตอบในเรื่องนี้

“เท่าที่ตนเองทราบ พ.ต.ท.คริษฐ์ มีการไปยืมรอบวง ส่วนชอร์ตเงินมานานหรือยังนั้น จะรอถามข้อเท็จจริงก่อน ตอนนี้รู้แล้วว่าจุดอ่อนอยู่ตรงไหน วันนี้เมื่อออกมารับแล้วว่าเป็นเงินของตัวเองและเป็นเงินบริสุทธิ์ ซึ่งมีมากกว่าเงินจากบัญชีม้าแน่นอน ก็ต้องมาสอบตัวเองด้วย ซึ่งเงินหลักล้านที่ใช้ในการทำงาน ยืนยันว่าไม่ได้เป็นเงินมาจากเว็บพนัน สามารถแจกแจงได้หมดแน่นอน แต่เงินที่มีบัญชีม้าไปแตะกับมินนี่เช่น พ.ต.ท.คริษฐ์ และพ.ต.อ.ภาคภูมิ ประเด็นนี้จะต้องมีคำตอบ”

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกอีกว่า ในวันพรุ่งนี้ (27 ก.ย. 66) จะลา 1 วัน เพื่อไปขอทำสมาธิจัดการเรื่องนี้ และจะยื่นคำร้องที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อขอให้ไต่สวนทางละเมิดกรณีการขอหมายจับของชุดจับกุมในเวลา 10.00 น. เพื่อขอความเป็นธรรม จะต้องเรียกร้องความเป็นธรรมให้ตัวเองด้วย ซึ่งมั่นใจว่าทุกที่ให้ความเป็นธรรม ไม่มีอะไรที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม เราก็ทำแบบนี้ทำตรงตรงชี้แจงให้ชัดเจน

 

Nateetorn S.

ผู้สื่อข่าว ทำงานกับ Thaiger มาตั้งแต่ปี 2020 จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสคร์ เคยทำงานกับสถานีโทรทัศน์อันดับ 1 ของประเทศ ทำให้มประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ เจาะประเด็นข่าวการเมืองอาชญากรรม ข่าวแปลกๆ เรื่องน่าสนใจจากต่างประเทศ ช่องทางติดต่อ tee@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button